ดร.สุภัททา ปิณฑะแพทย์

Dr.Supatta Pinthapataya

email: supattapin@yahoo.com







คิดอย่างครู ทำอย่างครู ด้วยคุณธรรมนำชีวิต

คำว่าคุณธรรมเป็นคำที่มีความหมายสำหรับการเป็นมนุษย์เป็นอย่างยิ่งเพราะถ้ามนุษย์ไม่มีสิ่งนี้คู่กับตน มนุษย์ก็จะไม่ต่างไปจากสัตว์เดรฉานที่ดำรงชีวิตอย่างขาดการควบคุมให้มีคุณภาพ การสร้างคุณธรรมให้เกิดขึ้นในจิตใจจึงเป็นการพัฒนาตนของมนุษย์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ตอบสนองความต้องการทางด้านจิตใจของมนุษย์ทำให้ตนเองมนุษย์มีความเกิดความรู้สึกสบายและเป็นสุขเพื่อทำให้ผู้อืนที่อยู่รอบข้างมีความสบายและเป็นสุขเพราะเมื่อบุคคลอื่นมีความสุขก็จะทำให้บุคคลที่อยู่ใกล้ชิดมีความสงบสุข มีผู้หวังดีเขียนติดไว้เป็นวรรณกรรมในห้องน้ำว่า "ขาดน้ำเหมือนขาดใจ ขาดอะไรเหมือนขาดความเป็นคน" คำตอบก็คือ ขาดคุณธรรม โดยเฉพาะคนที่อยู่ในอาชีพครู คุณธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นอาชีพที่ต้องรับผิดชอบให้เยาวชนของชาติได้เกิดการเรียนรู้และมีจิตสำนึกของความเป็นคน

การที่คนจะเกิดจิตสำนึกของความเป็นคนและเป็นผู้ที่มีคุณธรรมได้ดังนั้นจะต้องผ่านกระบวนการการอบรมในเรื่องความคิดและต้องคิดดีด้วย ความคิดที่ดคือคิดอย่างมีคุณธรรม ก่อนจะฟังคำบรรยายต่อไปต้องขอให้คุณครูทั้งหลายมาตกลงกันว่า พวกเราเห็นด้วยหรือไม่ว่าคนเป็นครูต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมและความคิดที่ดีคือความคิดที่ที่มีคุณธรรมเป็นตัวนำและกำกับ และถ้าครูทุกคนยอมรับในสองข้อนี้ การบรรยายจึงจะมองเห็นภาพของความจำเป็นในการพัฒนาครูให้มีคุณธรรมได้ เพราะถ้าครูไม่เชื่อในสองข้อนี้ก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดแนวปฏิบัติในขั้นต่อไป

เมื่อทุกคนเห็นชอบและกล่าวคำยืนยันแล้ว ขอให้มาลองสำรวจความคิดของตนเองว่า เรามองเห็นภาพของบุคคลที่มีคุณธรรมในความคิดว่ามีลักษณะอย่างไร ในฐานะที่เป็นครู ภาพที่ต้องการให้ผู้อื่นมองเห็นตัวเรานั้นเป็นอย่างไร เราอยากจะเป็นให้ได้อย่างที่มองเห็นภาพนั้นหรือไม่ เชื่อว่าครูทุกคนต้องการเป็นอย่างภาพที่สร้างไว้ในใจ และเชื่อว่าภาพที่สร้างไว้นั้นต้องงดงาม คงไม่มีผู้ใดที่สร้างภาพตนเองเป็นผู้ร้ายเพราะทุกคนในโลกนี้ต้องการมีภาพที่ทำให้ตนเองดูดีและสวยงามในสายตาของตนเองและผู้อื่น โรเจอร์ส์นักทฤษฎีมนุษยนิยมกล่าวไว้เช่นนั้น ไม่มีใครยอมรับว่าตนเองเป็นคนเลวทำสิ่งที่เลว จนกว่าจะได้ต่อสู้ป้องกันตนเองพร้อมทั้งกล่าวโทษผู้อื่นที่ทำให้เราเป็นคนไม่ดีเสียก่อนและก็มักจะจนด้วยหลักฐาน

การเป็นคนมีคุณธรรมนั้นบางคนอาจจะเสแสร้งทำขึ้นมาเพื่อตบตาผู้อื่นทั้ง ที่ตนเองไม่ทำด้วยความจริงใจ แต่เขาคงทำได้ไม่นานเพราะคนที่คิดอย่างหนึ่งแต่ ทำอีกอย่างหนึ่งแถมยังพูดอีกอย่างหนึ่งด้วยจะเป็นคนที่มีความขัดแย้งในจิตใจอย่างหนัก จะมีความรู้สึกว่าเหนื่อยมาก ลองคิดว่าเราไม่ชอบคนนี้เลยแต่ต้องฝืนทำดีทำเป็นรักใคร่ชอบพอและพูดดีด้วย จะรู้สึกว่าเหนื่อยและขัดใจจนในที่สุดทนทำต่อไปไม่ได้ ในทำนองเดียวกันคนที่ไม่รักและศรัทธาในอาชีพของตนเอง แต่ต้องสอน ต้องสั่ง ต้องพูดต้องบอกต้องดูแลเอาใจใส่ แสดงความรักเอื้ออาทร ก็จะรู้สึกว่าเหนื่อยมากกว่าครูที่รักและศรัทธาในอาชีพ เพราะในความเหนื่อยนั้นมีความสุขอยู่ด้วยจึงทำให้ได้พลังเพิ่มขึ้นมาทดแทน ครูที่ไม่รักไม่ชอบการเป็นครูก็จะรู้สึกฝืนทนไม่มีความสุขกับหน้าที่ที่ตนต้องทำ จะรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจที่เห็นหน้าเด็ก ที่มารอให้ครสอน หรือมายุ่งวุ่นวายให้ช่วยเหลือ ความเหนื่อยจะเป็น 2 เท่าเพราะมีความเครียดเนื่องจากทุกข์ใจรวมอยู่ด้วย ครูที่มีอาการเช่นนี้ คือครูที่ไม่เพียงแต่ทำร้ายเด็กเท่านั้นเขายังทำร้ายตนเองอีกด้วย ตอนนี้ครูที่รู้ตัวว่ากำลังทำร้ายตนเองและนักเรียนอยู่จงห้ามตัวเองและ บอกตัวเองว่าหยุดเสียทีเถอะอย่าทำร้ายตัวเราเองเลย

ขอให้ครูคิดและพิจารณาตนเองในหัวข้อต่อไปนี้

  • เราพอใจในอาชีพนี้หรือไม่ และเราเหมาะกับอาชีพนี้หรือไม่

มีหลายคนที่โกรธเมื่อมีคนมาคอยเพ่งเล็งครูไม่ให้ทำผิด ซึ่งที่จริงแล้วเป็นความดีของเขาที่ช่วยเราดูแลตวเรา แม้ความจริงครูจะเป็นปุถุชนธรรมดา ย่อม มีโลภ โกรธ หลงได้ แต่เพราะเราเลือกที่จะเป็นครู เหมือนผู้ชายที่เลือกจะบวชเป็นพระ เพราะทันทีที่บวชเป็นพระก็คือยอมรับว่าต้องปฏิบัติตนตามวินัยสงฆ์อย่างเคร่งครัด ครูก็เช่นกันทันทีที่เรียกตนเองว่าครูก็ถือว่าบวชเป็นครูแล้ว ก็ต้องถือธรรมวินัยของครูไว้อย่าให้ขาด แต่ธรรมวินัยครูไม่เหมือนธรรมวินัยของพระเพราะยังคงไม่มีบทบัญญัติที่ตายตัว แต่ที่รู้พบว่ามีหลายร้อยข้อไม่แพ้ธรรมวินัยของสงฆ์เช่นกัน และที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือ มักจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยโดยผู้ประสงค์ดีแต่งจรรยาบรรณให้ครูจนครูเกือบกลายเป็นเทวดาแล้ว ไม่เชื่อลองเปิดอ่าน จรรยาบรรณสำหรับครู มีคนช่วยกันคิดช่วยกันเขียนเสียจนจำไม่ไหว ถามว่าดีไหม ตอบว่าดีถ้าทำได้ทุกข้อ แต่เนื่องจากจำไม่ไหว ก็เลยไม่จำ จำไม่ได้ก็เลยทำตัวตามสบาย สุดท้ายก็ไร้จรรยาบรรณ มีคนบอกว่าบางคนจำได้หมดทุกข้อแตไม่ได้ทำ ก็ต้องถามกลับไปว่าแล้วจะจำให้เปลืองเนื้อที่สมองทำไม

สำหรับคนที่จำไม่ได้แต่อยากทำในที่นี้จะขอแนะนำว่า ให้จำ 4 คำนี้ไว้ เพราะคงไม่ยากที่จะจำ 4 คำนี้คือ ศีล สติ ปัญญา กับ พรหมวิหาร 4 และรักษาไว้ให้ได้

วิธีรักษาศีลทำอย่างไร มีคนถามมาก รักษากี่ข้อดี แค่ศีล 5 พอไหม แล้วฆ่ามดฆ่าแมลงสาปตาย ผิดศีลครูหรือเปล่า บางคนรักษาศีลเคร่งมาก แต่กลับเผลอโกหกตัวเองโกหกนักเรียน ถ้าเด็กถามมากบางทีถามในสิ่งที่ไม่รู้จะบอกว่าไม่รู้ก็ไม่ได้กลัวเสียหน้าต้องบอกว่ารู้แต่ครูไม่บอก ไม่รู้แล้วบอกว่ารู้ และพาลดุเด็กที่ถามดีนัก ครูคนนั้นผิดศีลทีเดียวสองข้อเลย

หมอ ตรวจอาการคนไข้หนัก บอกไปเลย ต้องตายภายใน 3 วัน 7 วัน เพราะหวังดีว่าคนไข้จะได้เตรียมพินัยกรรมให้เสร็จก่อนตาย แต่คนไข้ชักตายไปเลยต่อหน้าก็มี

ครูอาจจะดื่มเหล้าบ้างในงานเลี้ยงแต่ไม่ใช่ดื่มจนขาดสติ แต่พระดื่มไม่ได้แน่ มีข้อปฏิบัติแจงไว้ว่าจะดื่มได้ต้องเป็นยาดอง พระเลยฉลองเสียเมา ผิดศีลแน่นอน

สำหรับข้อกาเม ต้องหยุดไปเลยทั้งครูทั้งพระไม่มีข้อยเว้น เพราะเรื่องนี้จึงทำให้เกิดคดีฉาวกันมากเป็นอันดับท็อปฮิต ให้ท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจว่า ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา

ครูคือคน ครูย่อมต้องการความสุขในการดำรงชีวิตทั้งทางด้านร่างกายและจิต จึงต้องมีเทคนิคในการรักษาศีลว่าจะทำได้อย่างไรโดยไม่ต้องท่องจรรยาบรรณเพราะมากทบทวนไมาไหว ข้อเสนอแนะที่นายแพทย์บุญเลิศ จุลเกียรติ์ ได้กล่าวไว้ว่า การรักษาศีลง่ายมาก เพราะวิธีรักษาคือการคิดก่อนทำ นั่นคือให้คิดว่าถ้าทำแล้วตนเองจะมีความสุขหรือไม่ และผู้อื่นจะเดือดร้อนหรือไม่ นั่นคือขั้นพื้นฐาน ถ้าทำแล้วตนเองมีความสุขและผู้อื่นก็ไม่เดือดร้อนก็แสดงว่ารักษาศีลได้แล้ว แต่ถ้าจะให้ดีไปกว่านั้นอีก็ต้องถามต่อไปว ผู้อื่นจะมีความสุขกับเราหรือไม่ คนกินเหล้าเมาแต่อยู่ในห้องของตนเอง เมาหลับไปก็คงไม่เสียหายอะไร แต่ถ้าตื่นไม่ทันไปทำงานหรือเกิดอาการเมาค้างทำให้หน้าที่การงานเสีย ครอบครัวเดือดร้อนก็น่าจะเรียกว่าผิดศีล หรือครูไม่ดีก็จะทำร้าย นักเรียนให้มีแต่ความเดือดร้อน ตัวครูเองก็จะไม่มีความสุขเพราะอาจโดนตัดเงินเดือนหรือไล่ออกได้

การที่จะรักษาศีลให้มั่นคงต้องมีสติ เรื่องสตินี้คงไม่ต้องพูดมาก คนสติไม่ดีเขาคงไม่ให้มาเห็นครู เชื่อว่าทุกคนในที่นี้คงสติดี สติที่ว่าดีนั้นต้องเป็นสติที่อยู่กับตัวเราบางคนบอกว่าสติดีแต่ตอนนีไม่อยู่กับตัวแสดงว่าสติไม่มี สติตัวนี้โยงไปถึงปัญญา คนไม่มีสติจะคิดอะไรไม่ออก มีคนมักจะพูดบอกเราว่าให้สงบสติไว้อย่าให้ฟุ้งหายไป สติเป็นตัวที่จับยากมาก จนต้องมีการฝึกสติ ต้องมีการจับเอาไว้ การที่เขาให้ฝึก ยุบ หนอ ก็เป็นวิธีการจับสติอยู่กับตัววิธีหนึ่ง

เมื่อกล่าวถึงเรื่องมีปัญญา สิ่งหนึ่งที่ครูไม่ควรมีคือความโง ไม่ว่าในกรณีใดๆ เพราะการมีครูโง่ทำให้ประเทศชาติไม่เจริญ เพราะครูทำร้ายคนเรียนมากกว่า การที่ครูจะไม่โง่ มีทางเดียว คือต้องใฝ่รู้เพื่อให้รู้เท่าทัน ครูโง่ประเทศชาติไปไม่รอดแน่

การเป็นคนใฝ่รู้ คือศึกษาค้นคว้า ตาดู หูฟัง มือเขียน สมองคิด จิตเป็นกุศล เข้าใจสถานการณ์และสิ่งที่ควรรู้อย่างแท้จริง อย่าเป็นคนที่กึ่งรู้ กึ่งไม่รู้ แล้วอวดรู้ การวิเคราะห์ไตร่ตรองให้ถึงเหตุถึงผลจะทำให้เกิดอำนาจของการคิดแก้ปัญหาได้

สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ ธรรมะสำหรับครู พรหมวิหาร 4 ที่ประกอบด้วย ความเมตตา อยากเห็นผู้อื่นมีความสุข ถ้ามีเมตตาก็จะทำใจได้เมื่อผู้อื่นได้ดี ลองสำรวจตัวเราก็ได้ว่าเมื่อรู้ว่าเพื่อนได้เลื่อนขั้นเงินเดือนมากกว่าเราเรารู้สึกอย่างไร พอ 2 ขั้นออก เราทำได้ใจไหม คนมีเมตตาจะมองทุกอย่างเป็น บวก Positive Regards การมองอะไรให้เป็นบวกมีความสุข ถ้ามองอะไรก็ลบไปหมด ก็จะรู้สึกเหนื่อย เมื่อวานกับวันนี้วันไหนมองแล้วบวกกว่ากัน หรือว่ามองแล้วลบทั้ง 2 วัน รับรองว่าพรุ่งนี้คุณครูคงแทบจะลุกขึ้นมาสอนหนังสือไม่ไหว

ความจริงความสุขสามารถแสวงหาได้จากการรับรู้ความสุขของผู้อื่นแล้วสุขกับเขา ถ้าผู้อื่นมีความสุขแล้วเราไม่รู้สึกเป็นสุขไปกับเขาแสดงว่ากำลังมีจิตใจเป็นอกุศล เช่นอิจฉาริษยา ซึ่งทำให้ตัวเราเองเริ่มไม่มีความสุข ถ้าจะให้ตนเองมีสุขก็ต้องทำให้รู้สึกสุขตามไปด้วย ตามธรรมดาแล้วคนเราเมื่อเห็นภาพทีเศร้า เช่นภาพคนเจ็บป่วย หรือคนประสบภัยพิบัติหรือสูญเสีย เราก็จะรู้สึกเศร้าไปด้วย แม้บางครั้งจะบอกตนเองว่ารู้สึกว่าดีใจและมีความสุขก็เป็นการหลอกตนเองเท่านั้น ดังนั้นการที่จะรู้สึกว่าเศร้าใจเพราะคนอื่นมีความสุข ก็จะยิ่งเป็นการให้โอกาสแก่ตนเองที่จะได้รับความสุขน้อยมากในชีวิตนี้

ความกรุณา คือความอยากให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ทุกคนในประเทศพ้นทุกข์ คงไม่มีโจรผู้ร้าย คนเป็นโจรต้องเป็นคนที่มีความรู้สึก ต่าง ที่รวมแล้วเรียกว่าทุกข์อยู่ในใจ การที่ต้องการให้คนอื่นพ้นทุกข์ ทำได้ด้วยการให้ ให้ในที่นี้คือการแบ่งปันกันบาง อย่าเป็นคนที่ตระหนี่ เห็นแก่ตัว กอบโกยความสุขเข้าตัว ร่ำรวยอยู่คนเดียว คนรอบข้างไม่มีจะกิน คนนั้นคงอยู่ได้ไม่นานการเพราะคนที่ไม่มีกินก็จะต้องทำร้ายเขา มีเรื่องเล่าว่ามีชาย 2 คนหลงป่า ชายคนหนึ่งบังเอิญมีอาหารเหลืออยู่นิดหน่อย เมื่อยามหิวก็อยากจะกินคนเดียวแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเพื่อนจะต้องทำร้ายตนแน่ จึงต้องแบ่งอาหารให้เพื่อนเพื่อความอยู่รอดของตน

การให้คือการลดความต้องการของตนเองที่เหลือเฟือลงไปเพือ่จะได้ให้คนอื่นได้บ้าง การให้ต้องให้อย่างมีความสุข การให้ต้องมีสติเป็นตัวกำกับเช่น กำหนดให้ได้ว่าอยากให้ อย่าให้เพราะ กลัวเสียหน้า อยากได้หน้า เพราะจะทำให้ตนเองเกิดความทุกข์มากว่า เพราะการให้อย่างนั้นจะไม่นำไปสู่ความสุข ความสุขที่ได้นั้นเกิดขึ้นจากที่เรียกว่า มุทิตา ซึ่งเป็นความสุขที่ได้จากการให้ เสียเงินเสียทองทั้งทีอย่าให้เสียแล้วติดลบ บุญก็ไม่ได้ ยังทำร้ายตนเอง มานั่งหงุดหงิดเสียอารมณ์ เพราะเสียดายเงิน

ความสุขใด เมื่อเกิดขึ้น จะมีผลทำให้สารเคมี ที่ชื่อว่า แอนโดฟิน หลัง เป็นสารมหัศจรรย์ ที่มีฤทธิ์ ระงับอาการเจ็บปวดได้ ทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยเป็นสาว 2000ปีได้ด้วย ซึ่งจะตรงกันข้ามกับสารเคมี ที่เรียกว่า แอดรินาลีน ที่จะเป็นตัวเผาผลาญพลังงาน ทำลายเหมือนไฟที่ไหม้สุมทรวง

ข้อสุดท้าย การถืออุเบกขา การวางเฉยเมื่อทำดีที่สุดแล้ว แต่ไม่ใช่วางเฉยตั้งแต่ต้นมือ เหมือนกับการช่วยเหลือผู้ป่วย ถ้าได้พยายามอย่างที่สุดแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จก็คงต้องทำใจให้วางเฉย ไมใช่เห็นคนเจ็บพะงาบ ก็รีบปลงเสียก่อนว่าเดี๋ยวก็ตายไปเอง หรือยังไง ๆก็ตายแน่

มีเรื่องเล่ากันว่า กลุ่มอาจารย์มาชุมนุมกันนินทาลูกศิษย์ และลงมติว่า ต่อไปนี้จะไม่ยุ่งวุ่นวาย ดุด่านักศึกษา เพราะสมัยนี้เด็กไม่รักดี ปล่อยวัดไปเถอะ ทำใจให้สบาย แล้วในความเป็นจริงเรารู้สึกสบายใจไปตามที่พูดจริง หรือเปล่า ถ้าเราไม่ได้ทำหน้าที่ครูที่ดี ขอให้ถามใจตัวเราเองว่าเรารู้สึกสบายใจได้จริง หรือเมื่อเราทำท่าเหมือนคนไร้หัวใจและละทิ้งหน้าที่ครู ถ้าครูได้ทำดีที่สุดแล้วก็อาจต้องวางอุเบกขาเช่นกัน เพราะไม่เช่นนั้น ครูก็ต้องกลับมาทุกข์ใจที่ช่วยลูกศิษย์ให้เป็นคนดีไม่ได้ มีนักศึกษาชายหนุ่ม 2 คน นั่งกินเหล้าพร้อมจีบสาว พอเข้าไปเตือนก็ทำท่าทีที่พอจะเดาได้ว่าในใจของเขาคงคิดว่าอีแก่คนนี้เสือ..อะไรด้วย สิ่งที่พูดได้ให้เขาฟังเป็นประโยคสุดท้ายก่อนทำอุเบกขาก็คือ "ถ้าครูเป็นพ่อแม่ของพวกหนู และ รู้ว่าขณะที่ลูกของตัวเองคอรัปชั่นเวลาไม่เข้าชั้นเรียน คอรัปชั่นเงินที่ควรจะใช้ประโยชน์ในการเรียนมากินเหล้า ทำในสิ่งที่ไม่สมควรจะทำ แต่ก็มีอีแก่คนหนึ่งเข้ามาสั่งสอนลูกเราว่าอะไรดีอะไรไม่ดีแทนเรา ครูต้องกราบขอบคุณอีแก่คนนั้นนะ" แต่เด็กนักศึกษาคนนี้โชคดีเพราะดวงตาเห็นธรรม หรืออาจจะเป็นบุญของครูที่ได้ทำบุญ เพราะปรากฏว่า เป็นประโยคคำพูดที่ทำให้นักศึกษายกมือไหว้กล่าวขอบคุณ แต่ถ้านักศึกษาดวงตาไม่เห็นธรรม ครูก็น่าจะทำใจวางเฉยอย่างมีอุเบกขาได้ สิ่งหนึ่งที่แนะนำให้ครูที่ดีคิดเพื่อจะได้ไม่ท้อใจกับการทำหน้าที่ครูดี คือต้องคิดว่าเมื่อเราทำบุญกับลูกศิษย์เราย่อมต้องได้ผลบุญคือความสุขใจ เราจะทุกข์ใจกับผลที่ได้รับ เพราะสิ่งที่ให้เขารับไม่ได้เนื่องจากเขามีกรรม การวางอุเบกขาจึงเป็นแนวทางที่ดี อาจารย์บางรายไม่วางอุเบกขาก็จะเกิดอาการเจ็บใจและแค้นเคืองจนเป็นเรื่องราวใหญ่โตก็มี ซึ่งไม่ได้ประโยชน์แถมเป็นโทษอีกด้วย มีข้อคิดอยู่อีกข้อหนึ่งว่าถ้าพบนักศึกษากระทำความผิดแต่ครูไม่ทักท้วง ตามหลักจิตวิทยาก็เท่ากับว่าเป็นการให้แรงเสริมบวก ซึ่งก็จะทำให้เขาทำผิดไปเรื่อย

การเป็นครู เหมือนกับบวชตลอดชีวิตซึ่งยิ่งกว่าพระเสียอีก เพราะแม้จะเป็นครูแค่เพียงวันเดียวก็จะถูกเรียกว่า ครู ตลอดไป ดังนั้นสำหรับผู้ที่ได้ก้าวกระโจนลงมาสู่อาชีพครูก็นานแล้วก็น่าจะคิดได้ว่าต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดให้สมกับความเป็นครูดีของลูกศิษย์และของประเทศชาติด้วย

© Copyright 2010. All rights reserved. Contact: supattapin@yahoo.com