คำว่า ”สอน”
ไม่ดีตรงไหน
เนื่องจากมีอาชีพเป็นครูจึงมีความเข้าใจว่าการเป็นครูคือการสอนนักเรียนให้เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในอนาคต
การสอนจึงเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้
แต่มาบัดเดี๋ยวนี้ถ้าครูคนไหนพูดคำว่าสอนละก็จะโดนปรมาจารย์รุ่นน้องใหม่ค้อนค่อนแคะนินทาว่า
“ครูคนนี้แกยังสอนอยู่เลย
เชยชะมัด”
เวลาประชุมกันจะพูดคำนี้ออกมาไม่ได้เลย
ในหมู่ผู้ทรงคุณวุฒิละก็ต้องเน้นคำว่าสอนไว้ให้แน่นเชียว
เพื่อนคนหนึ่งโกรธหนักโกรธหนามาบ่นให้ฟังว่า
ไม่รู้จะไม่รังเกียจรังงอนกับคำว่า สอน.มันทำไม เพราะตั้งแต่เป็นครูมาก็ใช้คำนึ้มาตั้งครึ่งศตวรรษแล้ว
ต้องอธิบายให้เข้าใจว่าเพื่อความทันสมัยก็ต้องลืมคำนี้ไปเลย
เพื่อนก็เลยย้อนกลับมาว่าก็เอามันออกไปจากพจนานุกรมเสียซิจะได้ไม่ต้องนำมาใช้ให้รกใจกันอีก
การถกเถียงกันก็มักจะเกิดขึ้นกับครูแก่กับครูเด็ก
ครูแก่ก็ว่าครูไม่ได้คู่กับการสอนหรือ ในเมื่อเป็นครูเขาก็บอกให้สอนหนังสือ
ครูเด็กก็บอกว่าก็เพราะครูสอนหนังสือ ไม่ได้สอนนักเรียน
ก็เลยทำให้นักเรียนกลายเป็นควายเซนเตอร์ ก็ว่ากันไป ครูแก่ก็พึมพำว่างั้นพวกครูเด็กเหล่านี้ก็ยอมรับตัวเองว่าโง่ซี
เพราะเธอถูกพวกครูแก่เหล่านี้สอนมา สรุปว่า ตกลงจะให้ครูทำอะไรในชั้นเรียน
ความจริงแล้วการสอนไม่ใช่เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจจนต้องเปลี่ยนมาใช้คำอื่นที่ดูว่าทันสมัย
ของเพียงแต่ว่าครูรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
และผลลัพธ์ของการกระทำนั้นสร้างผลกระทบอะไรต่อมา
รู้สึกชอบใจคำพูดของผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียที่กล่าวว่า
รัฐมีงบประมาณที่เพิ่มจากเดิมให้แก่โรงเรียนซึ่งจะถึงตัวเด็กในห้องเรียนและครูคนที่เอาใจใส่ดูแลเด็กอย่างดี
คำว่า
ครูคนที่เอาใจใส่เด็กดีเท่านี้มีความหมายที่ลึกซึ้งทั้งในด้านการเรียนการสอน
เนื้อหาวิชา
การจัดการความรู้ให้ผู้เรียนรวมทั้งดูแลด้านสุขภาพส่วนตัวของเด็กด้วย
การประเมินโรงเรียนก็ตามมา
ประเมินครูผู้สอนและประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียน ก็มีการโต้ตอบด่าว่ากัน
ประท้วงกันค่อนข้างรุนแรงเป็นธรรมดา ถ้าครูคือคน
ปุถุชนคนเดินดินที่ไม่พัฒนาความคิดให้ออกไปจากตัวตนที่ลึกซึ้งกว่านี้
วิสามัญสำนึก
การสอนแบบเดียวกันมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันได้เสมอ
การเรียนการสอนอยู่ที่องค์ประกอบหลายประการ เช่น ปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน
ความคิดรวบยอดของสาระ
กระบวนการจัดการเรียนรู้และอยู่ที่กระบวนการและผลลัพธ์ปลายทางที่วางไว้
การเปลี่ยนคำให้แตกต่างเพื่อบ่งบอกถึงความทันสมัยไม่อาจช่วยให้การให้การศึกษามีประสิทธิภาพได้
จากบทความหนึ่งของ กล่าวว่า การสอนกับสามัญสำนึกคือ
ทำให้การเรียนการสอนเป็นธรรมชาติ
มีสาระในเรื่องที่เรียนและเรียนแบบมีชีวิตชีวา
พฤติกรรมของครูในชั้นเรียนว่าจะเรียกว่าสอนหรือการจัดการเรียนรู้ก็ไม่มีความแตกต่างกัน
ความจริงแล้วการเรียกว่าอย่างไรไม่สำคัญ
สำคัญว่าครูปฏิบัติอย่างไรในห้องเรียนที่ทำให้ลูกศิษย์มีฐานความความรู้เพื่อนำไปคิดต่อได้อย่างต่อเนื่อง
มีฐานความรู้อยู่กับตัว
แต่อย่าให้การสอนไม่ใช่เอาแต่เนื้อหาที่นำไปให้เด็กนั่งบอกจดแล้วกำชับว่าครูจะออกข้อสอบตามนี้
ทำให้เด็กไม่เกิดความคิดตามซึ่งถ้าเด็กเกิดความคิดตามก็จะต้องมีข้อสงสัยซักถามได้บ้าง
หรือครูก็อาจจะกระตุ้นให้เด็กได้เกิดแนวคิดของตนครูต้องพยายามตะล่อมให้เข้าสู่ประเด็นและสรุปสิ่งที่ถูกต้องไม่ใช่เอาแต่ความคิดของตนเป็นสรณะแบบกำปั้นทุบดิน
ฉันว่าใช่ก็ต้องใช่
การตอบโต้ซักถามความคิดจะสร้างความรู้สึกที่กระตือรือร้นอยากค้นคว้าหาความรู้มาเพิ่มเติม
และอย่าลืมเติมความสุขในขณะเรียนให้เขาด้วยก็แล้วกัน ส่วนการสอนแบบพูดมาก ๆ
ที่ทำให้ทั้งนักเรียนและครูดูแล้วเหมือนนกแก้วนกขุนทองก็ควรจะเลิกได้แล้ว
ครูไม่ควรพูดมากแบบครูรู้คนเดียว
แต่ควรฝึกการใช้คำถามให้นักเรียนได้มีโอกาสพูดตอบโต้บ้าง
หรือจุดประกายให้นักเรียนอยากรู้แล้วไปค้นหาต่อแล้วให้มารายงานในชั้นเรียนก็ทำได้
แต่ข้อสำคัญครูก็ต้องมีความรู้ใส่ใจหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อนำมาอภิปรายต่อยอดกับนักเรียนด้วย
อย่าเป็นครู ที่ขอไปทีก็แล้วกัน ไม่ใช่เออ ออ
ไปเรื่อยเพราะครูก็ไม่รู้เหมือนกัน จะทำให้นักเรียนงงจับประเด็นไม่ได้
พอรายงานเสร็จถ้าให้ส่งรายงาน ครูก็ต้องตรวจ อย่าเก็บเอาไว้ทิ้ง
ตอนสอบครูนี่ซิเป็นปัญหาถกเถียงกันอยู่ว่าจะเอาอย่างไหนดี
ถ้าออกข้อสอบแบบเช็ค ๆ ก็สะดวกทั้งผู้เรียนและผู้สอน
เนื้อหาที่เอามาออกข้อสอบก็จากเอกสารที่ครูแจกให้มันชัวร์ดี (คิดเอาเอง)
แต่ถ้าออกแบบอัตนัยก็จะตรวจไม่ทันส่งคะแนนตามเวลาจะโดนลงโทษอีก
แต่อย่าให้การออกข้อสอบอัตนัยเป็นการขัดตาทัพเพราะไม่มีเวลาออกข้อสอบ
อะไรก็ตามที่ครูทำตรงกันข้ามกับที่เขียนมานี้เรียกว่าเป็นการสอนแบบวิสามัญสำนึก
คิดไม่ถึง
ในการเรียนการสอน
ครูก็จะพยายามเชียร์ให้เด็กเล่นกิจกรรมแข่งขันกันโดยใช้รางวัลเป็นเครื่องล่อใจ
นักศึกษาครูคนหนึ่งจึงคิดออกแบบวิธีการให้รางวัลสำหรับเด็กชั้น ป.
1
โดยให้รางวัลอยู่ในกล่องที่ทำเป็นรูปสิ่งโตหมอบอ้าปาก
เงื่อนไขมีอยู่ว่าถ้ากลุ่มใดจัดเก็บสิ่งของบนโต๊ะให้เข้าที่เสร็จก่อนก็จะได้ล้วงมือลงไปจับของรางวัลที่อยู่ในกล่องสิงห์โตอ้าปาก
ผลคือเด็กทุกคนนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว พอถามได้ความว่า ไม่อยากชนะ
เพราะหนูกลัวที่จะต้องเอามือล้วงคอสิงโต กลัวมันงับเอา ครูเล่นอะไรไม่รู้
การให้เอามือล้วงปากสิงโตมันน่ากลัวมากสำหรับหนูนะ |