คิดได้แค่นี้เอง
พอตอนเปิดเทอมมีคำสั่งให้ลงไปช่วยเป็นครูแนะแนวให้โรงเรียนมัธยมที่สังกัดมหาวิทยาลัยด้วยเป็นการช่วยเหลือกันแบบบูรณาการ
การลงไปแนะแนวมีจุดมุ่งหมายที่จะกล่อมเกลาจิตใจให้รักเรียน ละเลิกความเกเร
รู้จักคิด รู้จักใช้ข่าวสารให้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ
ให้คิดหาเรื่องที่เป็นประโยชน์สอนใจ นำมาเล่นกิจกรรมแล้วสรุปแนวคิด เช่น
กิจกรรมเรื่องข่าวลือ
โดยให้เด็กนักเรียนมายืนเรียงกันให้คนที่อยู่หัวแถวหนึ่งอ่านเรื่องราวที่เขียนไว้ในเศษกระดาษให้เข้าใจแล้วนำไปกระซิบบอกเรื่องให้คนถัดไป
บอกเรื่องเดียวกันนี้ไปเรื่อย ๆ
ก็จะพบว่าคนสุดท้ายจะกลับมาเล่าเรื่องที่เรียกกันว่าใส่ไข่เติมสีจนเกือบจะไม่เหมือนเรื่องเดิมที่เกิดขึ้นซึ่งการแต่งเติมเรื่องเช่นนี้บางครั้งก็นำความเสียหายมาสู่ผู้อื่นหรือทำให้เกิดความเชื่อในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง
เรียกว่าข่าวลือ ซึ่งเกิดขึ้นสารพัดเรื่อง
และเรื่องบางเรื่องก็เป็นเรื่องการนินทาว่าร้ายผู้อื่นซึ่งเป็นลักษณะนิสัยที่ไม่ดี
เป็นต้น บางทีก็นำเรื่องความชื่อสัตย์ การช่วยเหลือผู้อื่น ดังนั้นทุก ๆ
สัปดาห์จึงมักปวดหัวกับเรื่องที่ต้องนำมาทำกิจกรรม
เพราะบางกิจกรรมถ้าลอกเลียนมาจากในหนังสือแนะแนวก็น่าเบื่อ
จึงให้นักเรียนช่วยกันนำประเด็นข่าวที่น่าสนใจมาเป็นเรื่องที่ให้ความคิดเห็น
วิเคราะห์และหาวิธีการแก้ไขว่าควรจะทำอย่างไรดี อาจารย์ขา
หนูมีประเด็นข่าวมาเล่า ลูกศิษย์คนหนึ่ง ยกมือขอเป็นคนเล่า เรื่องมีดังนี้
“นาย....เป็นอาจารย์สอนวิชา....ได้นำนักเรียนออกไปฝึกทักษะการเดินป่าและการยังชีพในป่าตามหลักสูตรของการเรียนการสอน
เพื่อที่จะสมมุติว่าเป็นเวลากลางคืน การเดินป่านั้นอันตรายมาก ต้องระวัง
ไม่เช่นนั้นจะตกหน้าผา และเพื่อให้เป็นไปตามจินตนาการของครู
ครูจึงจับนักเรียนทั้งหมดปิดตาแล้วให้เดินไปรอบ ๆ
ขอบบ่อน้ำที่ชาวบ้านขุดเอาไว้กักน้ำไว้ใช้ นัยว่าทั้งกว้างทั้งลึกมากด้วย
เด็กบางคนตื่นเต้น บางคนกลัว แต่ด้วยความกลัวครูมากกว่า จึงไม่กล้าขัดคำสั่ง
บางคนจูงมือกันเดิน มีเด็กกลุ่มหนึ่งจูงมือเต่อกัน 10
คนจึงเป็นเรื่อง
เมื่อเด็กคนหนึ่งเกิดลื่นพลัดหกล้มทำให้ทั้งตัวเองและเพื่อนที่จูงมือกันเกือบ
10 คนนั้น หล่นลงไปในบ่อน้ำ เสียชีวิตหมดเลย”
“ครูขาหนูอ่านจบแล้วเราจะวิจารณ์กันนะคะ
ในขณะที่ทุกคนตกอยู่ในอาการตกใจระคนเศร้าใจ ก็มีเสียงลูกศิษย์คนหนึ่งกล่าวว่า
“ไม่น่าเชื่อว่าจะมีครูคิดได้แค่นี้เอง”
“ครูขาครูโง่แบบนี้หนูว่าหาไม่ยากใช่ไหมคะ”
เฮ้ยว่าครูขนาดเชียวหรือจากที่ได้ฟังเรื่องราวผสมกับ
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังลั่นห้องในเชิงลบเช่นนี้ทำให้หูอื้อตาลายไปกับพื้นฐานด้านสติปัญญาของครูคนนี้
สรุปว่า อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจทุกคน (ครู) ว่า จงคิดก่อนทำ
และคิดซ้ำให้ครบวงจร เพื่อหาข้อดีข้อเสียของกิจกรรมด้วย
แล้วเราจะทำอย่างไรดีกับคน (ครู) ที่คิดไม่เป็นดี
และสิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในความคิดคือ ไม่อยากให้ประเทศนี้มีแต่คน (ครู)
ที่โง่แต่ขยัน ฉลาดแต่ขี้เกียจ |