เที่ยวห้างให้สนุกกับลูกสุดที่รัก
ในปัจจุบันการเดินเล่นช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้ากลายเป็นทางเลือกหนึ่งของครอบครัวบางครอบครัวที่จะใช้เป็นการพักผ่อนเพื่อคลายความเครียดและเปลี่ยนบรรยากาศที่จำเจ
เพราะในห้าง ฯ ที่ใหญ่ ๆ
นั้นนอกจากจะมีสินค้าทั้งอุปโภคบริโภคทั้งที่จำเป็นจริง
ๆและอ้างว่าจำเป็นให้เลือกซื้อกันอย่างหนาแน่นแล้ว
ก็ยังมักจะมีสวนอาหารที่มีร้านอาหารเป็นจำนวนมากมาเช่าที่ขายอาหารหลากหลายประเภทให้เลือกรับประทานกันในราคาแพงพอประมาณและยังมีสวนเด็กเล่นที่ครอบครัวได้เป็นอย่างดีได้เหมือนกัน
ทำให้ได้บรรยากาศที่น่ารักสำหรับครอบครัวได้เป็นอย่าดี
ถ้าพ่อแม่ไม่บังเอิญไปเจอพิษลูกร้องจะเอาของเล่น
และไม่ยอมจำนนต่อสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น
จนเกิดอาการกลุ้มชุลมุนขึ้นมาเสียก่อนปัญหาจึงอยู่ที่จะทำอย่างไรจึงจะทำให้การกระทำกิจกรรมในวันนั้นราบรื่น
สุโขสโมสรกันถ้วนหน้า
พ่อแม่หลายคนคงจะได้เคยพบปัญหาลูกแผลงฤทธิ์ในห้างสรรพสินค้ามาแล้วซึ่งทำให้เกิดความเข็ดขยาดกันไปอีกนาน
มีผู้ถามว่าแล้วจะทำอย่างไรกับพฤติกรรมเช่นว่านี้
เพราะการที่จะบอกว่าให้ตัดปัญหาด้วยการไม่พาไปด้วยเสียก็หมดเรื่อง
เป็นการแกปัญหาที่ไม่น่าจะถูกทางและในบางครั้งก็ไม่สามารถจะทำได้
เพราะจะต้องปล่อยลูกไว้ที่บ้านคนเดียวซึ่งคงทำไม่ได้แน่
ถ้าโชคดีมีพี่เลี้ยง มีคุณยายคุณตา
หรือญาติผู้ใหญ่รับที่จะดูแลให้ ก็อาจจะทำได้
แต่โอกาสที่พ่อแม่ลูกจะได้ทำกิจกรรมครอบครัวร่วมกันอย่าง ง่าย ๆ
ก็จะหมดไปอย่างน่าเสียดาย
นักจิตวิทยาได้เสนอแนะวิธีแก้ปัญหาไว้
2 วิธี คือ วิธีแรก ให้นำของเล่นสุดรักสุดหวงไปด้วย
ให้เขาถือไว้เล่นด้วยตัวเอง (เลือกชิ้นที่นำไปได้)
เพราะการที่เด็กมีของเล่นที่ตนเองพอใจอยู่ในมือแล้วก็มักจะไม่ใคร่สนใจของเล่นอื่น
ๆ มากนัก เพราะมัวแต่จะคอยสนใจกับสิ่งที่อยู่ในมือของตน และที่สำคัญพ่อแม่จะต้องมองเห็นความสำคัญขององเล่นชิ้นนั้นไปกับลูกด้วยก็จะยิ่งทำให้เกิดคุณค่ามากยิ่งขึ้น
สำหรับวิธีที่ 2
นี้เป็นวิธีที่จะใช้สำหรับเด็กที่โตที่รู้จักการใช้เงินเพื่อแลกซื้อสิ่งของได้แล้ว
พ่อแม่จะต้องทำการตกลงในเงื่อนไขสัญญาในการที่จะใช้เงินชื้อของที่ลูกต้องการในวงเงินที่จำกัด
เช่น ให้เงินลูกไว้ 50
บาท
เพื่อลูกจะได้เป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะใช้เงินจำนวนนี้ทำอะไรหรือซื้ออะไรก็ได้ที่เขาต้องการ
ถ้าเงินหมดก็หมายความว่า
เขาก็จะหมดโอกาสในการได้ของที่เขาต้องการชิ้นต่อไป
แต่ส่วนมากแล้วเด็กก็จะต้องการได้ของแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เพราะเมื่อเขาได้สิ่งที่พอใจแล้วเขาก็จะชื่นชมกับสิ่งที่ได้และความต้องการก็จะหยุดพักไประยะหนึ่ง
จากข้อแนะนำทั้ง
2 วิธีนี้
ก็คงจะพอเป็นแนวทางในการที่จะจัดการกับปัญหาที่ไม่พึงประสงค์ของลูกไปได้บ้าง
แต่อย่างไรก็ตามถ้าพ่อแม่ลองเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในวัยของลูกดูบ้างบางทีปัญหาที่ว่านี้ก็คงจะไม่หนักหนาอะไรนัก
เพราะความจริงแล้วก็เป็นปัญหาที่เกิดได้กับทุก ๆ
คนและทุกสมัยเหมือนกับว่าเป็นวงจรของบาปบุญคุณโทษ
ที่ต้องชดใช้กันในชาตินี้ให้เสร็จสิ้นกันไป อย่าไปคิดมากเลย
|