ครูชั้นเตี้ย
เป็นครูมาจนถึงทุกวันนี้ก็อดที่จะคิดถึงวันเวลาที่ผ่านมาตลอดชีวิตของการเป็นครูไม่ได้
ในวันนี้ก็เช่นเดียวกันกับวันไหน ๆ ของการทำงานในอาชีพครู คือ มาโรงเรียน สอน
พัก สอน กลับบ้าน การที่มัวแต่สอน สอน
และสอนนี้เองทำให้ครูบางคนลืมเขียนงานที่เก็บมาใช้สอนให้เป็นผลงานเพื่อเลื่อนขั้นตัวเอง
มานึกได้ก็อีตอนที่ อีก 5-6 เดือนจะปลดเกษียณเสียแล้ว
จะเรียกว่าสายเกินกาลก็ได้ แต่ถามว่าเสียดายไหม บอกแทนได้เลยว่าไม่เสียดาย
เพราะทุกเวลานาทีฉันคือครู
ถามว่าเงินเดือนติดทำไมถึงไม่รู้ตัวหรือว่าจะต้องทำผลงาน
คำตอบของพวกครูเหล่านั้นก็คือ รู้แต่ไม่มีเวลา ครูเหล่านี้สอนเต็มที่
ดูแลนักเรียนอย่างเอาใจใส่ ตรวจงานอย่างระมัดระวัง
ใช้เวลาส่วนใหญ่กับนักเรียนอย่างมีความสุขจนลืมนึกถึงเรืองอื่น ๆ
ตอนเช้ามาโรงเรียนแต่เช้าเฝ้าประตู คอยตรวจตราความเรียบร้อย
พูดคุกับนักเรียนถ้ามีปัญหาครูอยู่นี่คอยดูแล
พอโรงเรียนเข้า
ก็สอน
ตรวจงาน ยิ่งเป็นครูชั้นเตี้ย ๆ ด้วยแล้วชั่วโมงสอนก็ยิ่งมาก
ดังนั้นครูประถมจึงสอนกันวันละ
15-16
ชั่วโมงเป็นมาตรฐาน
สอนแล้วก็มีการตรวจงานว่านักเรียนทำได้อย่างที่สอนไว้หรือเปล่า แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีการกระตุ้นหนักเข้า
ก็ต้องเจียดเวลาที่ไม่มีอยู่แล้วมาทำผลงาน
ผลปรากฏว่าทำเอาพวกครูหลายคนเครียดกันเป็นแถว
เพื่อนของฉันถึงกับเส้นเลือดในสมองแตกต้องไปนอนแผ่ให้หมอรักษาเป็นเรื่องเป็นราวกันใหญ่โต
ทำท่าจะไม่รอดเสียด้วย
การเป็นครุนี่ก็มีการแบ่งชั้นกัน
ใครถามว่าสอนที่ไหน
สอนชั้นไหน
พอบอกว่า สอนชั้นประถมศึกษา
ก็มักจะมีคนทำท่าให้รู้สึกว่าเป็นแค่ครูประถมเองหรือ
แต่ถ้าลองบอกว่าสอนระดับมหาวิทยาลัยซี คนจะแสดงสีหน้าออกมา
ซึ่งแปลได้ว่า
เป็นอาจารย์ระดับมหาวิทยาลัยเชียวนะ ยิ่งเป็นคนที่มีอาชีพอื่นด้วยแล้ว
พวกเขาจะมองครูชั้นเตี้ยว่าเป็นคนละเกรดกับพวกเขาเชียวละ
น่าแปลกที่ทำไมคิดไม่ได้ว่า
ถ้าไม่มีใครยอมมาเป็นครูชั้นเตี้ยสอนลูกหลานพวกเขา
ลองคิดดูซิว่าอะไรจะเกิดขึ้น เด็ก ๆ ก็คงไม่มีครูที่คอยสอนให้เขาอ่านที่ละคำ
เขียนทีละตัว
ด้วยความอดทนเป็นเลิศ
ถ้าไม่เก่งจริงป่านนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปลอดคนอ่านออกเขียนได้ไปนานแล้ว
จริงไหม
และเพราะการปลูกฝังเด็กในขั้นพื้นฐานนี้แหละจึงทำให้เขาเหล่านั้นได้เติบโตรู้จักตนเอง
ลุกขึ้นยืนอย่างสมภาคภูมิ เป็นผู้นำในระดับต่าง ๆ
ได้ซ้ำร้ายในปัจจุบันนี้มีคนให้คำนิยามว่า ครู คือคนจนรุ่นใหม่ของสังคมไทย
เขาว่า พวกครูมักจะชอบกู้ ชอบผ่อน จนเป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัว ก็เพราะยากจนน่ะซีจึงต้องผ่อนทุกอย่าง
แม้แต่เสื้อผ้าที่ซื้อมาตัดใช้สอนนี่ก็ต้องเป็นเงินผ่อนเหมือนกัน
เมื่อฉันกลับมาพิจารณาตัวเอง
แล้วก็พบว่า จริงอย่างเขาว่า อย่าว่าแต่ลืมทำผลงานเลย
ฉันลืมแม้แต่จะหาเสื้อผ้าชุดใหม่ ๆ กระเป๋า
รองเท้าที่สุดเท่ความจริงจะว่าลืมเสียทีเดียวก็คงไม่ใช่
อาจจะเป็นเพราะว่า ฉันเกรงว่าจะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุเสียละมากกว่า
เพราะวัน ๆ หนึ่งนั้นความจริงแล้วฉันก็เจอกับเด็กลูกศิษย์เท่านั้น
แล้วเด็กก็ไม่ได้ใส่ใจว่า
ชุดเสื้อสีขาวกระโปรงสีน้ำเงินของฉันนั้นมันมีความแตกต่างไปจากชุดนักเรียนของพวกเขาอย่างไร
ขนาดที่ฉันไม่ค่อยได้ใช้จ่ายในเรื่องส่วนตัวสักเท่าไร
ฉันยังแทบจะไม่พอใช้ในแต่ละเดือน
ถ้าเด็กรุ่นใหม่มองเห็นฉันเป็นตัวอย่างคงไม่มีใครอยากเป็นครูแน่
ก็จะให้ใครมากินอุดมการณ์ความเป็นครูต่อจากคนที่แม้จะตายก็ยังไม่รู้ว่าจะมีเงินเผาศพตัวเองหรือเปล่า
ทำอะไรเพื่อครูกันบ้างเถอะ |