ตอนการเรียนรู้ที่ 3
หลักการพิจารณาพฤติกรรมทางคุณธรรมและจริยธรรม
ในการบริหารจัดการการศึกษาที่ดีและเป็นธรรมนั้น
จะวางแนวทางปฏิบัติให้ผู้อยู่ในภายใต้การนำของผู้นำให้ตระหนักรู้และสามารถนำไปปฏิบัติให้ตนเป็นผู้มีคุณธรรมและจริยธรรมได้
รวมทั้งกำกับตนเองให้เป็นผู้นำทางด้านคุณธรรมจริยธรรมด้วย ซึ่งประภาศรี สีหอำไพ
(2543)
กล่าวว่า
คุณค่าทางจริยธรรมชี้ให้เห็นความเจริญงอกงามในการดำรงชีวิตอย่างมีระเบียบแบบแผนตามวัฒนธรรมของบุคคลที่มีลักษณะทางจิตใจที่ดีงาม
3.
1
ธรรมชาติของจิตสำนึกของมนุษย์กับการกระทำที่ถูกต้อง
มนุษย์มี จิตสำนึก คือ
สติที่รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่ากำลังทำสิ่งใดอยู่
มนุษย์จึงมีความแตกต่างจากสัตว์ประเภทอื่น ๆ คือ ไม่ได้การกระทำสิ่งต่าง ๆ
ส่วนใหญ่ด้วยสัญชาตญาณ
แต่จะมีสติที่เป็นจิตสำนึกในการกระทำและตัดสินการกระทำนั้นด้วยความรู้สึกผิด
ชอบ ชั่วดี และมีความละอายที่จะทำในสิ่งที่ไม่ดี
มนุษย์มีความรู้สึกนึกคิดที่ทำให้สภาพทางด้านจิตใจ
มีความรู้สึกที่กระสับกระส่าย
ใจกวัดแกว่งซึ่งสามารถรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวที่ทำให้เกิดการแปรเปลี่ยนเป็นสภาพของอารมณ์
บางครั้งการเคลื่อนไหวเกิดจากอารมณ์ที่เป็นสุขแต่ในบางครั้งการเคลื่อนไหวก็ก่อให้เกิดอารมณ์ที่เป็นทุกข์
ทุก ๆ ครั้งที่มีการเคลื่อนไหวทางอารมณ์ แสดงว่า
จิตรู้ตัวว่ามีสิ่งกระตุ้นเร้าเกิดขึ้น
แต่การควบคุมจิตให้สามารถรู้ตัวอยู่ได้ตลอดเวลาที่ถูกกระตุ้น
และสามารถกำกับพฤติกรรมการตอบสนองต่อการถูกกระตุ้นนั้นได้ดีเพียงใด
ในส่วนที่เป็นจิตสำนึกที่เรียกว่า มโนธรรม
พระเทวินทร์ เทวินโท (2544)
กล่าวว่า
เป็นความสำนึกของจิตทางศีลธรรมและความเมตตาปราณีที่มนุษย์ทุกคนมีอยู่แล้วโดยธรรมชาติ
ที่เป็นปฏิกิริยาภายในร่างกายและจิตใจที่เป็นความสำนึกที่บอกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า
อะไรดี ชั่ว ถูก หรือผิด และอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ
จิตสำนึกในความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเกิดขึ้นได้อย่างไร
ความเชื่อในเรื่องของแต่ละบุคคลเกิดขึ้นได้อย่างไร
มโนธรรมเป็นสิ่งที่มนุษย์มีความรู้สึกนึกคิดต่อการกระทำที่ควรทำหรือไม่ควรทำ
มโนธรรมเป็นตัวกำกับให้บุคคลรู้และสำนึกว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้น ดี ชั่ว ถูกผิด
การมีมโนธรรมเกิดขึ้น คือการมีความคิดเกิดขึ้นกับสิ่งต่าง ๆ มโนธรรม
มีความแตกต่างกับเจตคติของมนุษย์ ตรงที่ว่า เจตคตินั้นอาจไม่ได้มี ธรรม
เป็นตัวกำหนดเสมอไป และมโนธรรมจะเกิดได้ต้องมีจิตสำนึกควบคู่กันไปด้วย
การตัดสินพฤติกรรมด้านจริยธรรมของจิตจึงเป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถพิจารณาได้ด้วยความรู้สึกที่สัมผัสได้จากจิตของตนเองที่บ่งบอกถึงความรู้สึกอันเนื่องมาจากพฤติกรรมนั้น
การที่มนุษย์
เรียกตนเองว่าเป็นสัตว์ผู้ประเสริฐซึ่งหมายถึง ผู้มีความเจริญในด้านจิตใจ
มีมโนสำนึกอยู่ภายในตนซึ่ง มโนที่เป็นความคิดที่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
เรียกว่า มโนธรรม หรืออาจเรียกว่า จริยธรรม
ส่วนคุณธรรมนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อธรรมนั้นเป็นคุณประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นร่วมกัน
ทั้งคุณธรรมจริยธรรมเมื่อนำมาเป็นคุณสมบัติของผู้บริหารย่อมก่อให้เกิดความสงบร่มเย็นในองค์การ
จำเริญรัตน์ เจือจันทร์ (2537)
อธิบายว่า
มนุษย์มีความเชื่อว่าองค์การใดที่มีผู้บริหารที่ขาดจิตสำนึกด้านจริยธรรมและดำเนินกิจการและปกครองคนอย่างไร้คุณธรรมย่อมนำมาซึ่งสงครามของการแย่งชิงและทำลายล้างกัน
มูลนิธิการศึกษาเพื่อสันติภาพแห่งประเทศไทยซึ่งจัดตั้งขึ้นโดย พระธรรมปิฎก
(ประยุทธ์ ปยุตโต)
ได้มุ่งจิตปรารถนาที่จะให้การศึกษาที่เกิดขึ้นแก่ประเทศไทยและแก่ชุมชนของโลกเป็นการศึกษาเพื่อการนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข
อันเป็นปรัชญาความคิดในด้านการนำการศึกษาเพื่อเป็นพื้นฐานในการนำความสงบ
ความสุข มาสู่โลกอย่างแท้จริง
การที่จะทำให้เกิดภาวะเช่นนี้ได้ต้องมาจากจิตบริสุทธิของผู้ที่ทำหน้าที่
3. 2
มุมมองเกี่ยวกับตัวกำหนดพฤติกรรมทางด้านคุณธรรมและจริยธรรม
ดวงเดือน พันธุมนาวิน
(2538) กล่าวว่า
สิ่งที่เป็นคุณธรรมและจริยธรรมในแต่ละสังคมอาจจะแตกต่างกัน
เพราะการเก็บสิ่งใดสิ่งหนึ่งว่าเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม
เศรษฐกิจ ศาสนา และการศึกษาของคนในสังคมนั้น
เช่นการคุมกำเนิดหรือการคืนของที่เก็บได้ให้แก่เจ้าของนั้น
ในสังคมส่วนใหญ่ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ดีและควรทำ แต่ในบางสังคมและบางวัฒนธรรม
อาจจะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักศาสนาหรือเป็นความโง่ที่จะกระทำเช่นนั้น
ดังนั้นการนำเอาคุณธรรมในสังคมหนึ่งไปตัดสินคุณธรรมในอีกสังคมหนึ่งนั้นย่อมเป็นการไม่เหมาะสม
จึงมีการแสวงหาหลักเกณฑ์อื่นในการตัดสินคุณภาพทางจิตใจของคน
วูด
(Wood, 2001) กล่าวว่า
ตัวกำหนดพฤติกรรมด้านคุณธรรมและจริยธรรมของแต่ละบุคคลอาจมีมุมมองที่แตกต่างกัน
ดังที่ได้นำความคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมด้านคุณธรรมและจริยธรรม
โดยใช้มุมมองจากผลงานของนักปรัชญา เช่น จอห์ สจ๊วต มิลล์ (John Stuart
Mill) จอห์น ล็อก (John Locke) และ
โทมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson) ออกเป็น
4 ด้าน ได้แก่
1)
มุมมองในด้านการกระทำที่ถูกนำไปพิจารณาว่า
ถูกหรือผิดโดยยึดหลักการนำความสุขมากที่สุดมาสู่บุคคลส่วนใหญ่
2)
มุมในด้านเอกัตตบุคคล
ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีเป็นประโยชน์ต่อบุคคลอย่างยั่งยืน
3)
มุมมองในด้านความถูกต้องทางคุณธรรม
ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานของมนุษย์โดยส่วนรวม
4)
มุมมองด้านความยุติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้
ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่องจริยธรรมของการบริหารภาครัฐ วันที่
9 กค. 48
ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ได้จำแนกประเภทจริยธรรมในด้านการปกครอง ทำให้ได้มุมมองของจริยธรรมเป็น
2 ด้าน
ซึ่งเป็นจริยธรรมที่นำมาสู่การบริหารจัดการที่ดี ได้แก่
1. จริยธรรมตามหลักนิติรัฐ
เป็นการบริหารที่ถูกต้องตามหลักนิติศาสตร์ซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
ของการปกครองประเทศ
ซึ่งมีการร่างออกมาเป็นกฎหมายเพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองบนฐานความคิดของความถูกต้องตามหลักนิติศาสตร์
2.
จริยธรรมตามมาตรฐานจริยธรรม
เป็นมุมมองในด้านการมองจริยธรรมในด้านการนำรัฐธรรมนูญมาใช้เพื่อให้การบริหารจัดการบ้านเมืองบนฐานความคิดที่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
ดังนั้นตามมุมมองที่กล่าวมานี้ เกณฑ์การตัดสินจริยธรรม
แม้ว่าเกณฑ์การตัดสินความถูกผิดทางจริยธรรมเป็นหลักเกณฑ์ใช้ในการตัดสินการกระทำว่า
ทำอะไรเรียกว่าทำดี และทำอะไรเรียกว่าทำชั่ว และทำอะไรเรียกว่าทำถูก
และทำอะไรเรียกว่าทำผิด
แต่การตัดสินการกระทำเช่นนั้นอาจจะไม่ตายตัวเสมอไปเสียทีเดียว (พระเทวินทร์
เทวินโท, 2544)
|