ดร.สุภัททา ปิณฑะแพทย์

Dr.Supatta Pinthapataya

email: supattapin@yahoo.com







มีคอมเป็นครู

ในช่วงเวลาหยุดภาคเรียนในฤดูร้อน   ทางโรงเรียนของฉันมักจะจัดกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ให้แก่พวกครูด้วยการจัดฝึกอบรมการสอนวิชาต่าง    เพื่อที่จะให้ครูได้ไปรับรู้และรับฟังว่ามีอะไรใหม่ ๆ ที่ได้เกิดขึ้นในก่อไผ่ของการศึกษาเพื่อจะได้นำมาปรับปรุงการเรียนการสอนของครูให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอันจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนของนักเรียนในยุคโลกาภิวัตรและไฮเทค  ผลพวงจากการฝึกอบรมแบบเข้มนี้เองทำให้ฉันได้เริ่มเปลี่ยนแปลงการสอนปฎิวัติตนเองให้สอดคล้องกับยุคและสมัยให้มากที่สุดเท่าที่วัยจะทำได้   แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันยึดไว้เป็นสรณะอย่างไม่เปลี่ยนแปลงก็คือ การสอนที่ทำให้นักเรียนเกิดการคิดเป็น ทำเป็น และแก้ปัญหาเป็น  และมักจะพยายามสื่อให้เพื่อน ๆ ได้คิดคล้อยตามฉันด้วยการทดสอบซึ่งกันและกันอยู่เสมอ ฉันมักจะแอบกระซิบถามเพื่อนว่า  "เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็นล่ะ " เรื่องนี้ง่ายมาก " เพื่อนฉันตอบอย่างคนมีภูมิ "เธอก็พิจารณาที่พฤติกรรมของนักเรียนที่เธอเป็นที่ปรึกษาซิ ว่า เขาเถียงเธอจนคอเป็นเอ็น และบอกว่าไม่เห็นด้วยหรือเปล่า นั่นแหละแปลว่าเขาคิดเป็น และดูซิว่าเขามักจะทำอะไรที่ขัด ๆ กับข้อบังคับของโรงเรียนบ้างไหม เช่น ไม่เก็บชายเสื้อไว้ในกางเกงหรือกระโปรง นั่นหละ เขาทำเป็น  และถ้าจะรู้ว่าเขาแก้ปัญหาเป็นไหม  ก็ให้ดูที่รายงานที่ให้ทำส่งซิว่าเขาทำโคลนนิ่งรายงานกันหรือเปล่าเปล่า"  เธออธิบายแบบผู้รู้แจ้งเห็นจริงที่เดียว แถมทำสีหน้าที่สื่อสารเพิ่มเติมได้อย่างคนมีความรู้ (สึก)ออกมาที่ให้ฉันเกิดความรู้สึกว่า เรื่องแค่นี้ ฉันไม่น่าฉลาดเลย แต่โง่ได้ เพื่อนฉันได้ใจสาธยายอีกว่า  "และถ้าอยากจะรู้ว่าการสอนแบบนี้จะทำได้อย่างไร   ก็ไม่ยากอีกนั่นแหละ  " เธออวดรู้ต่อไปอีก   "เธอก็แค่ใช้เทคนิคการสอนที่ตามที่หลวงอุตส่าห์ตั้งงบให้เราไปเข้าฝึกอบรมนั่นไง   จำไม่ได้เหรอว่า  วิทยากรแต่ละท่านนั้นต่างก็เน้นนักเน้นหนาให้ใช้กลวิธีการสอนที่ให้นักเรียนเป็นศูนย์กลาง นั่นก็คือให้นักเรียนพูดและทำให้มากขึ้น   ส่วนครูนั้นท่านว่าให้พูดและทำให้น้อยลง"

ฉันเพิ่งจะนึกออกเดี๋ยวนี้เองว่า    ทำไมหมู่นี้ที่โรงเรียนของฉันมันถึงได้ดูอึกทึกครึกโครมอย่าไรชอบกล    เวลาเดินผ่านตึกเรียนที่มีห้องเรียนเรียงรายกันอยู่ในตึกก็จะได้ยินแต่เสียงพูดเสียงคุยและเสียงเล่นของนักเรียนดังหนวกหู ดูพลุกพล่านจนไม่นาจะเป็นห้องเรียน  ส่วนครูที่อยู่ในห้องนั้นบ้างก็นั่งทำตาปริบ    บ้างก็มัวแต่ง่วนอยู่กับอุปกรณ์สารพัดที่อยู่รอบกาย หรือว่าสิ่งที่ฉันเห็นนั้นเป็นการแสดงว่าเด็ก    เขากำลังช่วยกันคิด  ช่วยกันทำ และช่วยกันแก้ปัญหาในส่วนของเขา  ส่วนครูก็กำลังคิด  ทำ  และแก้ปัญหาในส่วนของครู เมื่อยังไม่บรรลุขั้นตอน ทั้งนักเรียนทั้งครูก็ยังไม่มีทางที่จะมาบรรจบพบเจอกันเพื่อกิจกรรมที่เรียกว่าการเรียนการสอนแบบปกติได้  เพราะแม้ว่าครูจะพร้อมแต่เมื่อเด็กเขายังไม่พร้อม เด็กก็เรียนไม่ได้ หรือในทางกลับกัน ถ้าเด็กพร้อมแต่ครูไม่พร้อม   ครูก็สอนไม่ได้   การเรียนการสอนก็เกิดไม่ได้เพราะผู้สอนและผู้เรียนไม่พร้อม   เคยมีผู้กล่าวหาฉันว่าการกระทำของฉันที่ทำให้นักเรียนหยุดทำทุกสิ่งทุกอย่างแล้วหันมาสนใจสิ่งที่ฉันพูด  ฉันสอนนั้นเป็นการกระทำที่นอกจากจะเป็นเผด็จการแล้ว  ยังเป็นการเข้าไปขัดขวางความคิดที่กำลังเล่นกันอย่างเต็มที่ของนักเรียน  ซึ่งถือว่าผิดจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรมแผนใหม่ที่มุ่งสนใจพฤติกรรมความพร้อมที่จะเรียนของเด็กเป็นใหญ่ฉันเองก็ชักจะงง ๆ  กับคำกล่าวหานั้น อยู่เหมือนกัน     

การที่ฉันรับไม่ได้กับการที่ต้องนั่งรอความพร้อมแลค่อยทีสอนเมื่อเด็กเกิดความพร้อมด้วยตัวเองนี่เอง จึงทำให้เกิดความหงุดหงิดในใจขึ้นมาบ้างเป็นครั้งคราว  ชะรอยว่าเพื่อนของฉันคนหนึ่งคงจะหยั่งรู้ความในใจจึงแอบมากระซิบแบบดัง ๆ ให้ฉันเลิกวิตกกังวลว่า  "สมัยนี้เราไม่จัดการกับความพร้อมของนักเรียนแล้ว เพราะ การสอนสมัยใหม่ที่จะทำให้เด็กพร้อมไปเองเมื่อถึงเวลา  แต่ที่เราเห็นครูบางคนเขารี ๆรอ ๆ อยู่นั้น เขาไม่ได้รอให้นักเรียนพร้อมหรอก แต่เขารอให้ คอม พร้อมต่างหาก" เพื่อนครูอีกคนหนึ่งกล่าวเสริมว่า "เธอไม่เห็นเหรอว่า เดี๋ยวนี้ครูจะต้องทำหน้าที่เปิดคอม แล้วให้คอมสอน เพราะคอมนั้นเก่งกว่าใคร  ที่อบรมกันอยู่นี้ก็เพื่อสอนครูให้เปิดคอมเป็นเพื่อจะได้ให้คอมสอนคน เรียกว่าครูเป็นผู้(รับ)ใช้  คอม  ว่างั้นเถอะ     ดังนั้นเมื่อคอมยังไม่มาหรือคอมยังไม่มี   ครูก็ต้องพยายามให้คอมมา  หรือให้คอมมีให้ได้  ไม่ว่าจะด้วยเร่  (เร่ขอความช่วยเหลือ)  หรือด้วยกด(แป้น) หรือด้วย (สวด) มนต์ และภาวนา (ขอให้ได้งบซื้อคอม)   "แล้วเธอจะให้นักเรียนมานั่งมองดู ครูรอ คอมพร้อม และทำตาปริบ ๆได้อย่างไร แต่เพื่อน ๆ พากันแย้งก่อนที่จะสรุปในประเด็นที่กำลังเป็นความกันอยู่ว่า  "เธอเห็นหรือยังว่าที่เขายืนยันว่าใคร ๆ ก็เป็นครูได้ดีเหมือนกัน จิตวิญญาณของครูอยู่คอม จุดที่เด็ดที่นักเรียนสนใจนั้นมันไม่ใช่อยู่ที่ตัวครู แต่อยู่ที่ตัวคอมย่ะ โปรดอย่าสำคัญตัวผิด" 

ถ้าอย่างนั้นหูฉันก็ไม่ฝาดไปซีนะที่ฉันนึกว่าได้ยินนักเรียนเรียกฉันว่า  คูคอมขา ทีแรกนึกว่าเป็นการพูดแบบ ร ไม่ชัด ด้วยสำเนียงเสียงวัยรุ่นที่พูดขากเสียงแบบลิ้นคับปากออกมาซะอีก  แต่ทีไหนได้นักเรียนเขาเรียกครูคอมของเขาด้วยเสียงที่ดังฟังชัดเชียวละ

© Copyright 2005. All rights reserved. Contact: supattapin@yahoo.com