มีคอมเป็นครู
ในช่วงเวลาหยุดภาคเรียนในฤดูร้อน
ทางโรงเรียนของฉันมักจะจัดกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ให้แก่พวกครูด้วยการจัดฝึกอบรมการสอนวิชาต่าง
ๆ
เพื่อที่จะให้ครูได้ไปรับรู้และรับฟังว่ามีอะไรใหม่ ๆ
ที่ได้เกิดขึ้นในก่อไผ่ของการศึกษาเพื่อจะได้นำมาปรับปรุงการเรียนการสอนของครูให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอันจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนของนักเรียนในยุคโลกาภิวัตรและไฮเทค ผลพวงจากการฝึกอบรมแบบเข้มนี้เองทำให้ฉันได้เริ่มเปลี่ยนแปลงการสอนปฎิวัติตนเองให้สอดคล้องกับยุคและสมัยให้มากที่สุดเท่าที่วัยจะทำได้
แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันยึดไว้เป็นสรณะอย่างไม่เปลี่ยนแปลงก็คือ
การสอนที่ทำให้นักเรียนเกิดการคิดเป็น ทำเป็น และแก้ปัญหาเป็น
และมักจะพยายามสื่อให้เพื่อน ๆ
ได้คิดคล้อยตามฉันด้วยการทดสอบซึ่งกันและกันอยู่เสมอ
ฉันมักจะแอบกระซิบถามเพื่อนว่า
"เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็นล่ะ "
เรื่องนี้ง่ายมาก " เพื่อนฉันตอบอย่างคนมีภูมิ
"เธอก็พิจารณาที่พฤติกรรมของนักเรียนที่เธอเป็นที่ปรึกษาซิ ว่า
เขาเถียงเธอจนคอเป็นเอ็น และบอกว่าไม่เห็นด้วยหรือเปล่า
นั่นแหละแปลว่าเขาคิดเป็น และดูซิว่าเขามักจะทำอะไรที่ขัด ๆ
กับข้อบังคับของโรงเรียนบ้างไหม เช่น ไม่เก็บชายเสื้อไว้ในกางเกงหรือกระโปรง
นั่นหละ เขาทำเป็น
และถ้าจะรู้ว่าเขาแก้ปัญหาเป็นไหม
ก็ให้ดูที่รายงานที่ให้ทำส่งซิว่าเขาทำโคลนนิ่งรายงานกันหรือเปล่าเปล่า" เธออธิบายแบบผู้รู้แจ้งเห็นจริงที่เดียว
แถมทำสีหน้าที่สื่อสารเพิ่มเติมได้อย่างคนมีความรู้
(สึก)ออกมาที่ให้ฉันเกิดความรู้สึกว่า เรื่องแค่นี้ ฉันไม่น่าฉลาดเลย
แต่โง่ได้ เพื่อนฉันได้ใจสาธยายอีกว่า
"และถ้าอยากจะรู้ว่าการสอนแบบนี้จะทำได้อย่างไร ก็ไม่ยากอีกนั่นแหละ
"
เธออวดรู้ต่อไปอีก
"เธอก็แค่ใช้เทคนิคการสอนที่ตามที่หลวงอุตส่าห์ตั้งงบให้เราไปเข้าฝึกอบรมนั่นไง
จำไม่ได้เหรอว่า วิทยากรแต่ละท่านนั้นต่างก็เน้นนักเน้นหนาให้ใช้กลวิธีการสอนที่ให้นักเรียนเป็นศูนย์กลาง
นั่นก็คือให้นักเรียนพูดและทำให้มากขึ้น
ส่วนครูนั้นท่านว่าให้พูดและทำให้น้อยลง"
ฉันเพิ่งจะนึกออกเดี๋ยวนี้เองว่า
ทำไมหมู่นี้ที่โรงเรียนของฉันมันถึงได้ดูอึกทึกครึกโครมอย่าไรชอบกล
เวลาเดินผ่านตึกเรียนที่มีห้องเรียนเรียงรายกันอยู่ในตึกก็จะได้ยินแต่เสียงพูดเสียงคุยและเสียงเล่นของนักเรียนดังหนวกหู ดูพลุกพล่านจนไม่นาจะเป็นห้องเรียน
ส่วนครูที่อยู่ในห้องนั้นบ้างก็นั่งทำตาปริบ
ๆ
บ้างก็มัวแต่ง่วนอยู่กับอุปกรณ์สารพัดที่อยู่รอบกาย
หรือว่าสิ่งที่ฉันเห็นนั้นเป็นการแสดงว่าเด็ก
ๆ
เขากำลังช่วยกันคิด
ช่วยกันทำ และช่วยกันแก้ปัญหาในส่วนของเขา
ส่วนครูก็กำลังคิด
ทำ
และแก้ปัญหาในส่วนของครู เมื่อยังไม่บรรลุขั้นตอน
ทั้งนักเรียนทั้งครูก็ยังไม่มีทางที่จะมาบรรจบพบเจอกันเพื่อกิจกรรมที่เรียกว่าการเรียนการสอนแบบปกติได้
เพราะแม้ว่าครูจะพร้อมแต่เมื่อเด็กเขายังไม่พร้อม เด็กก็เรียนไม่ได้
หรือในทางกลับกัน ถ้าเด็กพร้อมแต่ครูไม่พร้อม
ครูก็สอนไม่ได้
การเรียนการสอนก็เกิดไม่ได้เพราะผู้สอนและผู้เรียนไม่พร้อม เคยมีผู้กล่าวหาฉันว่าการกระทำของฉันที่ทำให้นักเรียนหยุดทำทุกสิ่งทุกอย่างแล้วหันมาสนใจสิ่งที่ฉันพูด
ฉันสอนนั้นเป็นการกระทำที่นอกจากจะเป็นเผด็จการแล้ว
ยังเป็นการเข้าไปขัดขวางความคิดที่กำลังเล่นกันอย่างเต็มที่ของนักเรียน
ซึ่งถือว่าผิดจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรมแผนใหม่ที่มุ่งสนใจพฤติกรรมความพร้อมที่จะเรียนของเด็กเป็นใหญ่ฉันเองก็ชักจะงง
ๆ กับคำกล่าวหานั้น อยู่เหมือนกัน
การที่ฉันรับไม่ได้กับการที่ต้องนั่งรอความพร้อมแลค่อยทีสอนเมื่อเด็กเกิดความพร้อมด้วยตัวเองนี่เอง
จึงทำให้เกิดความหงุดหงิดในใจขึ้นมาบ้างเป็นครั้งคราว
ชะรอยว่าเพื่อนของฉันคนหนึ่งคงจะหยั่งรู้ความในใจจึงแอบมากระซิบแบบดัง ๆ
ให้ฉันเลิกวิตกกังวลว่า
"สมัยนี้เราไม่จัดการกับความพร้อมของนักเรียนแล้ว เพราะ
การสอนสมัยใหม่ที่จะทำให้เด็กพร้อมไปเองเมื่อถึงเวลา
แต่ที่เราเห็นครูบางคนเขารี ๆรอ ๆ อยู่นั้น เขาไม่ได้รอให้นักเรียนพร้อมหรอก
แต่เขารอให้ คอม พร้อมต่างหาก" เพื่อนครูอีกคนหนึ่งกล่าวเสริมว่า
"เธอไม่เห็นเหรอว่า เดี๋ยวนี้ครูจะต้องทำหน้าที่เปิดคอม แล้วให้คอมสอน
เพราะคอมนั้นเก่งกว่าใคร
ที่อบรมกันอยู่นี้ก็เพื่อสอนครูให้เปิดคอมเป็นเพื่อจะได้ให้คอมสอนคน
เรียกว่าครูเป็นผู้(รับ)ใช้
คอม
ว่างั้นเถอะ
ดังนั้นเมื่อคอมยังไม่มาหรือคอมยังไม่มี
ครูก็ต้องพยายามให้คอมมา
หรือให้คอมมีให้ได้
ไม่ว่าจะด้วยเร่
(เร่ขอความช่วยเหลือ)
หรือด้วยกด(แป้น) หรือด้วย (สวด) มนต์ และภาวนา (ขอให้ได้งบซื้อคอม)
"แล้วเธอจะให้นักเรียนมานั่งมองดู ครูรอ คอมพร้อม และทำตาปริบ ๆได้อย่างไร
แต่เพื่อน ๆ พากันแย้งก่อนที่จะสรุปในประเด็นที่กำลังเป็นความกันอยู่ว่า
"เธอเห็นหรือยังว่าที่เขายืนยันว่าใคร ๆ ก็เป็นครูได้ดีเหมือนกัน
จิตวิญญาณของครูอยู่คอม จุดที่เด็ดที่นักเรียนสนใจนั้นมันไม่ใช่อยู่ที่ตัวครู
แต่อยู่ที่ตัวคอมย่ะ โปรดอย่าสำคัญตัวผิด"
ถ้าอย่างนั้นหูฉันก็ไม่ฝาดไปซีนะที่ฉันนึกว่าได้ยินนักเรียนเรียกฉันว่า คูคอมขา
ทีแรกนึกว่าเป็นการพูดแบบ ร ไม่ชัด
ด้วยสำเนียงเสียงวัยรุ่นที่พูดขากเสียงแบบลิ้นคับปากออกมาซะอีก
แต่ทีไหนได้นักเรียนเขาเรียกครูคอมของเขาด้วยเสียงที่ดังฟังชัดเชียวละ
|