ทำไมเด็กกลัวของเล่น
ของเล่นเป็นสิ่งที่เด็กทุกคนชอบ จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่คู่กันกับเด็ก
บริษัทที่ผลิตของเล่นต้องลงทุนทำวิจัยด้วยเงินมหาศาลเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ซึ่งก็คือ เด็ก ๆ ดังนั้นของเล่นจึงเป็นสิ่งที่ดึงดูดเด็กให้เข้าใกล้เสมอ
ของเล่นมีประโยชน์เนื่องจากเด็กจะใช้การสัมผัสเพื่อเรียนรู้สิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับตัวเขาในวัยตั้งแต่แรกเกิดจนถึงประมาณ
2 ขวบ
และ ก็จะยังคงใช้ของเล่นเป็นเพื่อนในจินตนาการ ( เพื่อนสมมติ) เมื่ออายุ
ประมาณ 4-5 ขวบขั้นไป
จนกว่าเขาจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เป็นเพื่อนเล่นจริงๆได้
ซึ่งเป็นพัฒนาการทางสังคมในขั้นต่อไป
เมื่อไม่นานมานี้ฉันได้มีโอกาสชมรายการไขปัญหาเด็กรายการหนึ่งซึ่งออกอากาศในตอนเช้าทุกวัน
พบว่ามีคุณแม่ท่านหนึ่งเกิดมีปัญหาลูกน้อยอายุราว
1
ขวบเกิดอาการ กลัวของเล่นที่ตนเองอุตส่าห์ซื้อหามาให้ นัยว่าเป็นของนอก
มีแสงและเสียง ราคาก็น่าจะแพงเสียด้วย
การที่พบว่าของเล่นที่อุตส่าห์ซื้อมาให้เล่นกลายเป็นสิ่งที่ลูกไม่อยากแตะต้องหรือให้มันเข้ามาใกล้ตัว
มักจะทำให้แม่รู้สึกไม่สบายใจและมีความกังวลปนเสียดาย(เงิน) อยู่ไม่น้อย
ความรู้สึกว่าทำไมลูกจึงไม่ยอมเห็นคุณค่าของเงินว่ามันแพงกับน้ำใจของคุณแม่บ้างนะ
ความกังวลของคุณแม่มีมากจนต้องโทรศัพท์เข้ามาปรึกษาในรายการ
จากการพูดคุยในรายกานคุณแม่ท่านนี้บอกว่าพยายามเท่าไรก็ไม่สำเร็จ
ลูกยังคงแสดงท่าทีที่รังเกียจและไม่ยอมเข้าใกล้ของเล่นนี้อยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย
การที่จะเอาของเล่นที่ลูกแสดงความกลัวหรือเกลียดไปซ่อนให้พ้นหูพ้นตานั้นทำไม่อยากไม่ต้องถามใครก็ได้
แต่การแก้ปัญหาไม่ให้เด็กกลัวของเล่นน่าจะเป็นประเด็นที่คุณแม่ต้องการมากกว่า
สำหรับปัญหาที่ว่าทำไมเด็กเล็ก ที่มีอายุ ประมาณ 13 - 14
เดือนจึงมีอาการกลัวของเล่นบางชนิดนั้นน่าจะอธิบายได้โดยหลักการทางจิตวิทยาในเรื่องของการเรียนรู้ด้วยการถูกวางเงื่อนไขซึ่งเป็นพฤติกรรมการเรียนรู้โดยธรรมชาติของมนุษย์
ดังนั้นการปรากฏตัวของของเล่นที่มีขนาดใหญ่เกินไป
หรือมีแสงและเสียงดังอาจทำให้เกิดความตกใจและกลัว ในกรณีนี้ก็เช่นกัน
นอกจากนี้การแสดงอาการหยอกล้อแบบตื่นเต้นเสียงดังของคุณแม่เมื่อนำของเล่นมาให้อาจทำให้ลูกตกใจเพิ่มขึ้นไปอีกก็อาจเป็นได้
การความกลัวจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กผวาเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่รู้ตัวก็ได้
เช่น
เอาตุ๊กตาซ่อนเอาไว้ข้างหลัง
แล้วเข้าประชิดตัวเด็ก เอาตุ๊กตาออกพร้อม
ๆ
กับ
เสียงดัง ๆ "จ๊ะเอ๋ ดูซิคะนี่อะไรเอ่ย" เป็นต้น
และโดยเฉพาะเมื่อเวลาเด็กกำลังเล่นอยู่อย่างเพลิน
เด็กเล็กๆ จะตกใจและแปลความหมายว่าของเล่นชิ้นนี้มักจะมากับเสียงที่น่ากลัว
ความกลัวของเด็กจะถูกนำมาควบคู่กับของเล่นชิ้นนั้นทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ว่าของเล่นชิ้นนี้มากับความน่ากลัว
และเด็กก็จะกลัวของเล่นที่เด็กสรุปรวมว่าเหมือนหรือคล้ายคลึงกัน
ในกรณีนี้คุณแม่เมื่อเห็นเด็กแสดงความกลัวก็อาจรู้สึกกังวลก็จะพยายามที่จะขจัดความกลัวนั้นออกไปจากตัวเด็กให้ได้
เพราะของเล่นชิ้นนั้นอาจจะมีราคาแพง และคุณแม่เองเห็นว่าดีเป็นพิเศษ
ก็จะยิ่งอยากให้เด็กยอมรับ จึงพยายามเสนอของเล่นชิ้นนี้มากขึ้น
ซึ่งในขณะเดียวกันก็แสดงความเครียดโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งลูกก็จะรู้สึกได้อีกว่ามันมาพร้อมกับความเครียดของคุณแม่ด้วย
จึงกลายเป็นการสร้างเงื่อนไขการเรียนรู้ให้แน่นหนามากขึ้นมาอีกและพฤติกรรมที่ผู้ใหญ่ทำ
เช่น อาจเอาของเล่นไปสั่นหรือเขย่าใกล้ ๆ ตัวเด็ก พร้อม ๆ
กับทำพฤติกรรมเสแสร้งว่าของเล่นนั้นดีให้ความสนุก
อาการเหล่านี้เป็นการแสดงความวิตกกังวลออกมาโดยไม่ตั้งใจ
แต่ลูกจะรู้สึกได้และยิ่งถ้าเด็กไม่ยอมรับของเล่นตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ
ผู้ใหญ่เองก็ยิ่งจะยิ่งพยายามมากขึ้นไปอีกด้วยพฤติกรรมและท่าทางที่แปลกๆ
ไปเรื่อย ลงท้ายที่สุดเมื่อผู้ใหญ่แพ้
อารมณ์ก็มักจะเข้ามาแทนที่ บางคนถึงกับกล่าวสำทับว่า ต่อไปนี้จะไม่ซึ้ออะไรให้อีกแล้วหรือ
ไม่เล่นก็อย่าเล่นเดี๋ยวจะเอาไปทิ้งให้หมด ฯลฯ หมดสนุกกันไปทั้งครอบครัว
กลวิธีในการแก้ไขอาการกลัวของเล่นนั้นไม่น่าจะยาก
เมื่อเด็กกลัวจนถึงขั้นผลักไสไล่ส่งของเล่นชิ้นนั้น
พ่อแม่ก็ไม่ควรฝืนใจหรือเซ้าซี้ให้เด็กเล่นอย่างเจาะจง
แต่ควรห้อยู่ปะปนกับของเล่นอื่น ไ่ม่ให้ความสนใจกัของเล่นชิ้นนั้น
เด็กอาจจะไม่รู้ว่ามีของเล่นชิ้นนี้อยู่ด้วย นาน ๆไป เด็กก็จะลืมกลัวไปเอง
ในกรณีที่เด็กกลัวมากจนหวีดร้องก็ต้องเอาไปให้ไกลตาสักหน่อย
แต่อาจวางไว้ในตู้โชว์ เมื่อเด็กเคยชินก็ให้นำมาวางรวมกับของเล่นอื่น ๆ
โดยไม่ต้องสนใจว่าเด็กจะเล่นหรือจับต้องหรือไม่
พ่อแม่อย่าเป็นคนหยิบของเล่นชิ้นนั้นให้ลูกเล่นโดยเด็ดขาด
ปล่อยให้เวลาเป็นตัวแสดงให้เห็นว่าของเล่นนั้นไม่ได้มีความน่ากลัว
คิดว่าในไม่ช้าเขาก็จะไว้วางใจของเล่นชิ้นนั้นและจับมันขึ้นมาเล่นเองก็ได้
แต่ที่สำคัญของเล่นชิ้นนั้นเหมาะกับวัยของลูกหรือเปล่า
การสร้างความกลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัวให้แก่เด็กจะทำให้เด็กไม่มีเหตุผลและทำให้เกิดความกลัวฝังใจ
ความกลัวฝังใจเป็นสิ่งที่ไม่อาจลบเลือนได้
ถ้าเราสำรวจตัวเราเองให้ดีก็จะพบว่ามีบางอย่างที่เรายังกลัวแบบฝังใจอยู่ด้วย
ก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และอะไรคือสาเหตุและที่มาของความกลัวนั้น ๆ
|