ดร.สุภัททา ปิณฑะแพทย์

Dr.Supatta Pinthapataya

email: supattapin@yahoo.com







คิดได้แค่นี้เอง

พอตอนเปิดเทอมมีคำสั่งให้ลงไปช่วยเป็นครูแนะแนวให้โรงเรียนมัธยมที่สังกัดมหาวิทยาลัยด้วยเป็นการช่วยเหลือกันแบบบูรณาการ การลงไปแนะแนวมีจุดมุ่งหมายที่จะกล่อมเกลาจิตใจให้รักเรียน ละเลิกความเกเร รู้จักคิด รู้จักใช้ข่าวสารให้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ ให้คิดหาเรื่องที่เป็นประโยชน์สอนใจ นำมาเล่นกิจกรรมแล้วสรุปแนวคิด เช่น กิจกรรมเรื่องข่าวลือ โดยให้เด็กนักเรียนมายืนเรียงกันให้คนที่อยู่หัวแถวหนึ่งอ่านเรื่องราวที่เขียนไว้ในเศษกระดาษให้เข้าใจแล้วนำไปกระซิบบอกเรื่องให้คนถัดไป บอกเรื่องเดียวกันนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะพบว่าคนสุดท้ายจะกลับมาเล่าเรื่องที่เรียกกันว่าใส่ไข่เติมสีจนเกือบจะไม่เหมือนเรื่องเดิมที่เกิดขึ้นซึ่งการแต่งเติมเรื่องเช่นนี้บางครั้งก็นำความเสียหายมาสู่ผู้อื่นหรือทำให้เกิดความเชื่อในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง เรียกว่าข่าวลือ ซึ่งเกิดขึ้นสารพัดเรื่อง และเรื่องบางเรื่องก็เป็นเรื่องการนินทาว่าร้ายผู้อื่นซึ่งเป็นลักษณะนิสัยที่ไม่ดี เป็นต้น บางทีก็นำเรื่องความชื่อสัตย์ การช่วยเหลือผู้อื่น ดังนั้นทุก ๆ สัปดาห์จึงมักปวดหัวกับเรื่องที่ต้องนำมาทำกิจกรรม เพราะบางกิจกรรมถ้าลอกเลียนมาจากในหนังสือแนะแนวก็น่าเบื่อ จึงให้นักเรียนช่วยกันนำประเด็นข่าวที่น่าสนใจมาเป็นเรื่องที่ให้ความคิดเห็น วิเคราะห์และหาวิธีการแก้ไขว่าควรจะทำอย่างไรดี อาจารย์ขา หนูมีประเด็นข่าวมาเล่า ลูกศิษย์คนหนึ่ง ยกมือขอเป็นคนเล่า เรื่องมีดังนี้

นาย....เป็นอาจารย์สอนวิชา....ได้นำนักเรียนออกไปฝึกทักษะการเดินป่าและการยังชีพในป่าตามหลักสูตรของการเรียนการสอน เพื่อที่จะสมมุติว่าเป็นเวลากลางคืน การเดินป่านั้นอันตรายมาก ต้องระวัง ไม่เช่นนั้นจะตกหน้าผา และเพื่อให้เป็นไปตามจินตนาการของครู ครูจึงจับนักเรียนทั้งหมดปิดตาแล้วให้เดินไปรอบ ๆ ขอบบ่อน้ำที่ชาวบ้านขุดเอาไว้กักน้ำไว้ใช้ นัยว่าทั้งกว้างทั้งลึกมากด้วย เด็กบางคนตื่นเต้น บางคนกลัว แต่ด้วยความกลัวครูมากกว่า จึงไม่กล้าขัดคำสั่ง บางคนจูงมือกันเดิน มีเด็กกลุ่มหนึ่งจูงมือเต่อกัน 10 คนจึงเป็นเรื่อง เมื่อเด็กคนหนึ่งเกิดลื่นพลัดหกล้มทำให้ทั้งตัวเองและเพื่อนที่จูงมือกันเกือบ 10 คนนั้น หล่นลงไปในบ่อน้ำ เสียชีวิตหมดเลย

ครูขาหนูอ่านจบแล้วเราจะวิจารณ์กันนะคะ ในขณะที่ทุกคนตกอยู่ในอาการตกใจระคนเศร้าใจ ก็มีเสียงลูกศิษย์คนหนึ่งกล่าวว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะมีครูคิดได้แค่นี้เอง  ครูขาครูโง่แบบนี้หนูว่าหาไม่ยากใช่ไหมคะ เฮ้ยว่าครูขนาดเชียวหรือจากที่ได้ฟังเรื่องราวผสมกับ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังลั่นห้องในเชิงลบเช่นนี้ทำให้หูอื้อตาลายไปกับพื้นฐานด้านสติปัญญาของครูคนนี้ สรุปว่า อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจทุกคน (ครู) ว่า จงคิดก่อนทำ และคิดซ้ำให้ครบวงจร เพื่อหาข้อดีข้อเสียของกิจกรรมด้วย แล้วเราจะทำอย่างไรดีกับคน (ครู) ที่คิดไม่เป็นดี และสิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในความคิดคือ ไม่อยากให้ประเทศนี้มีแต่คน (ครู) ที่โง่แต่ขยัน ฉลาดแต่ขี้เกียจ

© Copyright 2005. All rights reserved. Contact: supattapin@yahoo.com