นักบริหารมืออาชีพ
รศ. คร.
สุภัททา ปิณฑะแพทย์
การบริหารงานในทุกองค์การในยุคปัจจุบันต้องการนักบริหารมืออาชีพมาทำหน้าที่ผู้บริหารจัดการให้ก้าวทันโลกที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นผลที่สืบเนื่องมาจากความเจริญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
ที่ทำให้เกิดการแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารทั้งภายในและภายนอกองค์การ
อันเป็นภาวการณ์ที่ก่อให้เกิดระบบเศรษฐกิจฐานความรู้เพื่อการแข่งขันและความร่วมมือ
นักบริหารมืออาชีพเท่านั้นจึงจะสามารถนำองค์การไปสู่ความสำเร็จได้
คำนิยาม
“นักบริหารมืออาชีพ”
นักวิชาการได้ให้นิยามของคำว่านักบริหารมืออาชีพไว้
พอสรุปได้ดังนี้
1. นักบริหารมืออาชีพ คือ
นักบริหารที่บริหารองค์การได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยพลังของภาวะผู้นำ
(Leadership forces)
จันทนา
สุขุมานันท์ รองประธานของปูนซีเมนต์ไทย
ได้กล่าวถึง (2
ตค.
2548 11.30 PM
แมกไม้บริหาร
UBC )
การบริหารจัดการในรูปแบบของนักบริหารจัดการองค์การ
ทีต้องการให้องค์การนั้นต้องมุ่งสู่ความเป็นเลิศ
ต้องวางแนวความคิดในด้านการบริหารจัดการภายในองค์การรวมทั้งการมีภาวะผู้นำที่ดี
1) การสร้างความเชื่อมโยงแบบพันธมิตร
(Organizational Alliance =
OA)
ผู้บริหารจัดการต้องยึดหลักของการสร้างความเชื่อมโยงถ่ายทอดข่าวสารให้บุคลากรในระดับต่าง
ๆ ร่วมรับรู้ข้อมูลที่เป็นขององค์การ
การจัดการระบบการรับรู้ข่าวสารข้อมูลนี้เพื่อประโยชน์ในด้านการมองภาพขององค์การให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
สามารถตอบคำถามให้แก่ผู้อื่นได้
นอกจากนี้การสื่อสารที่ดียังมีผลทางด้านจิตวิทยาเพราะสามารถปลุกระดมให้ทุกคนมีความคิดไปในทิศทางเดียว
การให้ข้อมูลข่าวสารเปรียบเสมือนกับการทำการตลาดภายในองค์กรนั้น ๆ
ให้บุคลากรได้ทำความเข้าใจ กับแนวการบริหารงานขององค์การนั้น
(Organizational design)
2) การนำสู่การเปลี่ยนแปลง
(Leading Organization through Transformational Change = LOTC)
ผู้บริหารการเปลี่ยนแปลงคือผู้ที่เข้าใจความต้องการขององค์การเพื่อตอบคำถามต่าง
ๆ เช่น ต้องการอะไร การเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มจาก
รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหนด้วยกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้ได้ความต้องการนั้น ๆ
ให้เป็นจริง ให้หลักยุทธศาสตร์การสนทนา
(Strategic conversation)
เพื่อ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทีมงาน
มีการเจรจาหาข้อตกลงในการดำเนินการเพื่อให้ไปถึงจุดหลายที่วางไว้
สร้างกระบวนการทำงานด้วยกัน
สำหรับในด้านลูกค้าองค์การต้องเข้าใจจิตวิทยาการบริโภคสินค้าของกลุ่มเป้าหมายเพื่อแสวงหาความต้องการของลูกค้า
ผู้นำต้องมองตลาดภายนอกได้ สร้างความแตกต่างเพื่อการแข่งขัน
เพื่อการได้เปรียบ ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
3) ศึกษาสิ่งแวดล้อมที่เป็นทรัพยากรและเครื่องมือในการทำงาน
(Resource
and tools)
การบริหารองค์การต้องศึกษาทรัพยากรที่มีอยู่
ที่เป็นเครื่องมือในการดำเนินการขององค์การ
ทรัพยากรด้านเครื่องมือเป็นปัจจัยที่ทำให้รู้ว่าองค์การมีความพร้อมและมีศักยภาพในการทำกิจการประเภทใด
และทรัพยากรที่มีอยู่นั้นมีการบำรุงรักษาให้คงสภาพการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4) ศึกษาศักยภาพขององค์กร
(Organizational Competencies = OC)
ว่ามีความสามารถหรือมีคุณภาพที่จะปฏิบัติงานได้ดี
ต้องศึกษาว่าควรต้องเสริมส่วนที่เป็นช่องว่าง เช่น เพิ่มเติม
หรือต้องฝึกอบรมทักษะใหม่ ๆ องค์กรขาดอะไร ต้องมีความรู้เพิ่มเติมในด้านใด
ศักยภาพของบุคลากรต้องสมดุลกับทรัพยากรที่เป็นเครื่องมือปฏิบัติงานขององค์การด้วย
องค์การต้องจัดให้มีการประเมินเพื่อการพัฒนา โดยมีการประเมินตนเอง
เพื่อนประเมิน นายประเมิน ลูกน้องประเมิน
(Personal Development
Index = PDI)
5) สร้างแรงจูงใจ
(Employee Motivation
Performance = EMP)
การสร้างความรู้สึกสนุกกับการทำงานให้บุคลากรทำงานอย่างมีความสุข รักองค์กร
มีความกระตือรือร้นในการทำงาน ไม่ใช่มาทำงานเพื่อเงิน คนที่ทำงานเพื่อองค์กร
จะพยายามพัฒนาตนเอง ผู้บริหารในฐานะนำต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
คือรู้ว่าต้องการอะไร และจะทำอย่างไรจึงจะสัมฤทธิผล สื่อสารให้ทุกคนรู้
ประเมินสภาพแวดล้อม รู้ศักยภาพขององค์กร
กระตุ้นให้องค์กรขับเคลื่อนด้วยการจูงใจ
2. นักบริหารมืออาชีพ คือ นักบริหารที่สร้างคุณค่าเพิ่ม
(Value-added
Managers = VM)
ในการบริหารงานในปัจจุบันทุกองค์การใช้ประสิทธิภาพของตัวผลผลิตเป็นตัวแสดงผลสัมฤทธิ์ขององค์การและมักจะเป็นตัววัดเปรียบเทียบของการบริหารจัดการและความสำเร็จขององค์การ
ในยุคปัจจุบันนี้การบริหารงานไม่ใช่เพียงแต่ให้งานเสร็จลุล่วงไปเท่านั้น
แต่งานที่ทำต้องเป็นผลงานที่ดีที่สุดมีความคุ้มค่าเหมาะสมกับทรัพยากรที่ใช้ซึ่งก็คือ
คนและวัสดุอุปกรณ์
(man and material)
การสร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่การบริหารจัดการเป็นบทบาทและหน้าที่ของผู้บริหารซึ่งเป็น
ผู้ที่คำนึงถึงการที่จะวางรูปแบบของงานเป็นหลักในขณะที่ภาวะผู้นำเป็นคุณสมบัติที่พึงประสงค์ที่ผู้บริหารควรจะต้องมีความเป็นผู้นำ
ต้องวางกลวิธีที่จะให้บุคคลในองค์การเข้าเคลื่อนตัวเข้ามาสู่การปฏิบัติงานตามที่กำหนดไว้
ผู้บริหารที่ดีจะสร้างและวางเงื่อนไขจำเป็นเพื่อที่จะให้เกิดความแน่ใจในผลผลิตรับสูง
เพื่อทำให้ได้เกิดการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการทำงาน
เป็นการปฏิบัติงานเพื่อหน่วยงานของตนและเพื่อองค์การโดยส่วนรวม
สิ่งเหล่านี้ต้องการความร่วมมือร่วมใจและพร้อมที่จะเข้าร่วมทำงานเพื่อความสำเร็จ
อันเป็นการแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการปฏิบัติงานของบุคคลแต่ละคนรวมกันเป็นผลงานของหน่วยงานและขององค์การ
โดยมีตัวชี้วัดสองประการซึ่ง วูด (Wood,
2001)
กล่าวไว้ ประการแรก คือ ประสิทธิภาพของการปฏิบัติการ
ซึ่งวัดได้จากการให้ความสำคัญของเป้าหมายของงานที่บรรลุถึงได้
และประการที่สองคือ ประสิทธิผลของการปฏิบัติงาน
ซึ่งวัดได้จากการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
ดี
ดีมาก
มีประสิทธิภาพแต่ไม่มีประสิทธิผล
เนื่องจากมีทรัพยากรสูญเสีย
|
มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
บรรลุเป้าหมายและใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า ได้ผลิตผลในระดับสูง
เป็นบริเวณที่การบริหารจัดการประสบผลสำเร็จ |
ไม่มีทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไม่บรรลุเป้าหมาย
ทรัพยากรสูญเสีย |
มีประสิทธิผลแต่ไม่มีประสิทธิภาพ
ไม่การสูญเสียทรัพยากรแต่ไม่บรรลุเป้าหมาย |
ไม่ดี
ดี
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏิบัติการ
ภาพที่
1 แสดงการปฏิบัติการของประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหาร
(Wood,
2001)
องค์การที่มีผลผลิตสูงมักมีผู้บริหารที่สร้างคุณค่าเพิ่ม
ซึ่งมีความพยามที่จะให้งานประสบผลสำเร็จด้านการผลิตในระดับสูงและพัฒนาระบบการทำงานเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐาน
ผู้บริหารที่มีคุณค่าเพิ่มสร้างสรรค์ระบบการทำงานที่ให้ผลผลิตที่สูงและสร้างแนวทางให้กลุ่มทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดีนำผลประโยชน์มาสู่องค์การและลูกค้า
ผู้บริหารที่มีคุณค่าเพิ่มจะสร้างแรงจูงใจให้เป็นรางวัลที่ได้จากความพึงพอใจในอาชีพ
ในยุคที่องค์การพยายามปรับโครงสร้างและลดขนาดลงและมักจะออกแบบการบริหารจะการให้ลดระดับของการบริหารลง
ผู้จัดการที่มีคุณค่าเพิ่มจะไม่ค่อยมีปัญหามากนักในการที่จะใช้เหตุผลในการทำงาน
จากข้อแนะนำของที่ปรึกษา ทอม ปีเตอร์ส
ซึ่งกล่าวว่า สำหรับผู้บริหารระดับกลางที่มีคุณค่าเพิ่ม คือ ที่ปรึกษางาน
ผู้สร้างสัมพันธ์กับหัวหน้าสายงานอื่น ๆ สร้างสรรค์โครงการ
ดูแลเงินเดือนและสวัสดิการในการทำงาน (Wood,
2001)
3. นักบริหารมืออาชีพ คือ นักจัดการทรัพยากร
(Human resources)
ในมุมมองของนักพฤติกรรมศาสตร์
นักบริหารจัดการจะต้องเรียนรู้วิวัฒนาการของการบริหารจัดการทรัพยากรในองค์การ
ที่มีการพัฒนาการรูปแบบการบริหารจัดการต่าง ๆ
จากมุมมองของการบริหารแบบวิทยาศาสตร์ มุมมองการบริหารจัดการที่มุ่งเน้นมนุษยสัมพันธ์และพฤติกรรมศาสตร์
(Hoy,
1991)
ในแง่ที่จะเติมเต็มแนวคิดของมนุษยสัมพันธ์ในการบริหารงานในการพิจารณาถึงผลกระทบของความสัมพันธ์ทางสังคมและโครงสร้างที่เป็นทางการขององค์การ
มักจะมีการวิเคราะห์องค์การในรูปแบบของระบบ เช่น ระบบเหตุผล ระบบวางแผน
และระบบกำกับ
เป็นต้นซึ่งแต่ละระบบตอบสนองแนวคิดว่าผู้บริหารมององค์การในแง่ของโครงสร้างอย่างเป็นทางการมากกว่าระบบที่เป็นตัวนำการปฏิบัติหรือมองทรัพยากรบุคคลสำคัญ
และสิ่งแวดล้อมที่เป็นตัวเครื่องมือที่กระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยน
4. นักบริหารมืออาชีพ คือ ผู้จุดประกาย
(Inspirer)
นักบริหารมืออาชีพต้องมีความสามารถในการจุดประกายให้ผู้ปฏิบัติเกิดความฮึกเหิม
พร้อมที่จะตกลงใจเข้าร่วมทำงานอย่างเต็มที่
การที่จะเป็นผู้บริหารที่น่าเชื่อถือในระดับสูงของหน่วยงานได้นั้นเป็นผลที่สืบเนื่องและเกี่ยวข้องจากความมุมานะของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาและทีมงานที่ทำให้เกิดผลงานที่เป็นไปได้ตามความคาดหวัง
ในขณะเดียวกันเกิดจากการเป็นผู้รับผิดชอบในงานและเป็นที่พึ่งพาของผู้ที่เข้ามาร่วมทำงาน
สร้างขวัญและกำลังใจให้เกิดประกายความสุขในขณะปฏิบัติงาน
และเพิ่มพลังวามคิดที่จะสืบสานงานให้มีความโดดเด่นมากขึ้น
คุณสมบัติของนักบริหารมืออาชีพ
ในการเป็นนักบริหารมืออาชีพนั้นจำเป็นจะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นที่ยอมรับในระดับพื้นฐานและในระดับสูง
ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดความเป็นมืออาชีพได้
1. คุณสมบัติด้านส่วนบุคคล
จำลอง นักฟ้อน (http://www.moe.go.th/wijai/road%20map.htm
26
ตค
48 เส้นทางสู่นักบริหารการศึกษามืออาชีพ )
ได้สรุปคุณสมบัติที่รวบรวมข้อมูลที่มีผู้จำแนกไว้เป็น
คุณสมบัติส่วนบุคคลของผู้ที่จะเป็นนักบริหารมืออาชีพไว้ 10 ประการ ได้แก่
1)
มีความรับผิดชอบสูง 2)
มีความขยันหมั่นเพียร
3)
มีความอดทน/อุสาหะ
4)
มีความซื่อสัตย์สุจริต
5)
มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
6)
มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์/กระตือรือร้นในการทำงาน
7)
มีทักษะในการวินิจฉัยสั่ง การ
8)
มีการรักษาระเบียบวินัยที่ดี
9)
มีความตรงต่อเวลา/การบริหารเวลา
10)
มีบุคลิกภาพที่ดี
2. คุณสมบัติด้านการศึกษา
การกำหนดคุณสมบัติของผู้บริหารนั้นมีผู้เสนอความคิดว่าควรมีความรู้ในด้านการบริหารจัดการ
โดยเฉพาะในการที่จะแสดงความนักบริหารมืออาชีพนั้น จะต้องมีวิสัยทัศน์กว้าง
นักบริหารมืออาชีพจึงต้องใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ศึกษาหาความรู้
จากประสบการณ์และการอบรม เพื่อให้เกิดความคิดใหม่ ๆ ในการบริหารจัดการ
ดังเช่น ในวงการการศึกษาที่มอกเห็นความสำคัญของการพัฒนาผู้บริหารให้เป็นมืออาชีพ
ด้วยความคิดนี้ในปัจจุบัน
จึงทำให้ผู้บริหารการศึกษาต้องมีใบประกอบวิชาชีพผู้บริหารการศึกษา
ต้องมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการบริหารตามที่กำหนด เช่น
จบปริญญาตรีทางบริหารการศึกษาหรือเทียบเท่า
โดยกำหนดเป็นนโยบายว่านักบริหารควรต้องมีวุฒิการศึกษาด้านการบริหารการศึกษาหรือได้รับประกาศนียบัตรทางบริหารการศึกษา
ฯลฯ เป็นต้น และให้มีความรู้ในด้านระเบียบกฎเกณฑ์ทางราชการ
การดำเนินการด้านการเบิกจ่ายงบประมาณ กฎระเบียบทางราชการและของหน่วยงาน
เป็นอีกความรู้หนึ่งที่ต้องมีการพัฒนาอบรมเพื่อการริหารงานอย่างเป็นระเบียบ
ด้านงบประมาณ
ในการบริหารงบประมาณนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับนักบริหารมืออาชีพ เนื่องจาก
การเงินเป็นปัจจัยที่สำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้
การวางแผนงบประมาณ
รายรับและรายจ่ายที่ดีจะทำให้การบริหารงานมีความสะดวกคล่องตัวและบรรลุวัตถุประสงค์และสามารถดำเนินกิจกรรมไปตามแผนที่วางไว้ซึ่งจะเป็นหลักประกันในขั้นต้นว่าได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้และได้ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
3. คุณสมบัติที่เป็นด้านประสบการณ์
และผลสำเร็จในการปฏิบัติงานที่ผ่านมา
คุณสมบัติด้านประสบการณ์การทำงานเป็นตัวบ่งชี้ความสามารถในการบริหารจัดการ
ซึ่งประเมินได้จากผลงานและประสบการณ์ที่ผ่านมาในภารกิจหน้าที่ที่จะได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติซึ่งจำแนกออกได้ดังนี้
คุณวุฒิ/ประสบการณ์/ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน
ที่ผ่านมาตามภารกิจหน้าที่กำหนดหรือเกี่ยวข้อง
ผลสำเร็จในการปฏิบัติงานในช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงความรู้ความสามารถและงานที่ปฏิบัติจนบรรลุผล
ตามแผนการดำเนินงานและแผนพัฒนางาน ฯลฯ ในตำแหน่งหน้าที่ที่จะปฏิบัติงาน
ความเก่งกล้าแบบนักบริหารมืออาชีพ
บุคคลที่ทำงานในทุกวงการอาชีพย่อมต้องการที่จะได้ชื่อว่าทำงานในอาชีพนั้นอย่างมืออาชีพเพราะการได้ชื่อว่าเป็นมืออาชีพเป็นสิ่งที่แสดงถึงความสามารถทำงานในอาชีพอย่างมีคุณค่า
เป็นการแสดงศักยภาพของตนเอง ความเป็นมืออาชีพนั้นมักจะได้มาไม่ง่ายนัก
ชมพูนุช อัครเศรณี
(2547
หน้า
244)
กล่าวว่า
การเป็นมืออาชีพไม่ได้ตัดสินจากเฉพาะองค์ประกอบเชิงรูปธรรม อาทิ ผลกำไรมากมาย
เงินเดือนสูง หรือใช่ชุดเครื่องแต่งกายมาทำงานอย่างหรู
แต่คนเป็นมืออาชีพมีองค์ประกอบ
ลักษณะและการปฏิบัติบางประการอันแน่ชัดในเชิงรูปธรรมบ่งบอกถึงความเก่งกล้าที่เป็นสากลหลายประการ
เช่น
ประการแรก ความเก่งกล้าในการรู้จักบทบาทและหน้าที่ของตน
และพร้อมทั้งเข้าใจบทบาทของตนและผู้อื่น
มืออาชีพจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานที่เป็นความรับผิดชอบของผู้อื่นถ้าไม่ได้รับดังนั้นถ้าไม่ได้นับการมอบหมายจากผู้มีอำนาจสั่งการหรือได้รับการร้องขอ
การให้ความเห็นใจเข้าไปช่วยเหลืออาจนำผลเสียมาสู่องค์กรได้
การกระทำเช่นนี้อาจกลายเป็นการก้าวก่ายการทำงานของผู้อื่น
มืออาชีพจึงมักมีความระมัดระวังในการสั่งการให้บุคคลที่ตนมีอำนาจสั่งการทำงานในส่วนที่ตนรับผิดชอบให้ดีที่สุด
ผู้บริหารที่ชอบสั่งการไปทั่วจึงเกิดภาพลักษณ์ว่าก้าวก่ายหรือล้ำเส้นผู้อื่น
ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในองค์กรและแตกความสามัคคี
แนวความคิดนี้ไม่ใช่เป็นการเสนอแนะให้เกิดความคิดว่าธุระไม่ใช่แต่เป็นการสร้างความตระหนักให้เข้าใจว่าควรจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการงานของหน่วยงานอื่น
ๆ ได้อย่างไร และในขอบเขตใด
ประการที่สอง ความเก่งกล้าในการคิดเองทำเองได้
เมื่อมีงานที่ต้องจัดการบริหารให้ประสบความสำเร็จ
ก็สามารถแสวงหาแนวทางในการดำเนินงานนั้นได้จนบรรลุเป้าหมายโดยไม่ต้องให้มีการสั่งการเป็นคำสั่งในแต่ละขั้นตอน
มีความคิดในการแก้ปัญหาได้
การคิดเองได้คือความสามารถของบุคคลที่มองเห็นลู่ทางในการทำงานให้ประสบผลสำเร็จได้
อาจเป็นการแสวงหาแนวทางเพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ของงานที่วางไว้
อาจเป็นการคิดหาแนวทางใหม่ที่ดีกว่าเดิม หรือการ
งานบางอย่างต้องการการคิดหาแนวทางที่
การสังเกตว่าบุคคลที่ทำงานหนึ่งงานใดคิดเองได้ คือ การสังเกตการปฏิบัติ
ประการที่สาม
ความเก่งกล้าในการรับผิดและรับชอบในสิ่งที่กระทำและผลที่จะได้รับ
ยอมรับและจัดการกับผลงานนั้นทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม
ยอมรับความดีและความผิดพลาดและพร้อมที่จะพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ
ไม่โยนความผิดหรือคิดหาทางถ่ายเทปัญหาไปให้ผู้อื่น
ผู้นักบริหารที่ไม่ใช่มืออาชีพมักจงใจผลักดันปัญหาไปให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคือคนอื่น
มืออาชีพจะไม่ขยายความผิดพลาดให้แก่ผู้อื่นหรือทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตขึ้น
และจะไม่ปิดบังหรือกลบเกลื่อนความผิดของตนเองด้วยการให้ร้ายผู้อื่น
จะไม่พูดแก้ตัวแต่จะขอโทษและขอโอกาสในการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
ประการที่สี่ ความเก่งกล้าในการตัดสินใจ
ในการบริหารงานนั้นผู้บริหารต้องตัดสินใจซึ่งในบางครั้งจำเป็นต้องมีการตัดสินใจในระยะเวลาที่จำกัดในการหาข้อมูลเพียงพอเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ
แต่เมื่อจำเป็นเร่งด่วนนักบริหารมืออาชีพจะสามารถพิจารณาเลือกและไม่ลังเลที่จะตัดสินใจได้ในทันทีแม้ว่าจะมีความหนักใจเมื่อเปรียบเทียบกับทางเลือกอื่นอยู่บ้าง
มืออาชีพต้องไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้คืออุปสรรคในการบริหารจัดการเพราะการลังเลในการตัดสินใจอาจทำให้ช้าจนเกินการ
นอกจากนี้นักบริหารมืออาชีพควรสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเองในขอบเขตที่ตนได้รับมอบหมายและไม่พยายามที่จะโอนอำนาจการตัดสินใจไปให้ผู้อื่นทำแทนตน
นักบริหารมืออาชีพต้องมีความมั่นใจว่าการตัดสินใจนั้นจะสร้างความสำเร็จในงานที่ทำและปัญหาคือสิ่งที่จะต้องระวังแก้ไขให้ผลงานบรรลุเป้าหมายให้ได้
แต่สิ่งที่สำคัญคือการตั้งมั่นในหลักการและมีความคิดในเชิงบวกกับการงานและผู้เกี่ยวข้อง
ประการที่ห้า ความเก่งกล้าในการให้เกียรติผู้อื่น
นักบริหารต้องคำนึงถึงการปฏิบัติตนตามมารยาททางธุรกิจและสังคม
การเป็นมืออาชีพคือการนับถือตนเองและนับถือผู้อื่น
แม้ว่าบุคคลเหล่านั้นจะเป็นแค่เพื่อนร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชา
ให้พึงระลึกว่าทุกคนมีทัศนคติที่เป็นความคิดของตนเอง
ทุกคนอาจมีความเลื่อมล้ากันในหน้าที่การงาน ฐานะทางเศรษฐกิจ
ความสามารถในการทำงาน และความรู้ในเชิงวิชาการ
แต่ทุกคนมีมีความเสมอภาคกันในด้านศักดิ์ศรีและเกียรติยศในความเป็นคน
ประการที่หก ความเก่งกล้าในการรักษาเกียรติของตนเอง
ในโลกของการทำงานนั้นผู้นำมืออาชีพต้องไม่ทำสิ่งที่ทำให้ตนเองมัวหมองและเสื่อมเสียเกียรติยศ
แม้ในยามที่พ่ายแพ้ก็ยังรักษาเกียรติยศของตนไว้ได้อย่างสง่างามด้วยตัวของตนเอง
มีน้ำใจเป็นนักกีฬาซึ่งทำให้ไม่คิดอาฆาตมาดร้ายต่อผู้ชนะ
นักบริหารมืออาชีพจะไม่โทษตนเองและผู้อื่น
แสดงวุฒิภาวะทางอารมณ์ด้วยการไม่ด่าทอ อาละวาดหรือ แสดงกิริยาวาจาที่ก้าวร้าง
เสียดสี การแสดงความผิดหวังอย่างรุนแรงต่อหน้าผู้อื่น เพราะรู้สึกเสียหน้า
ทำให้เสียผลประโยชน์เท่ากับว่าไม่สามารถรักษาเกียรติของตนไว้ได้
ผู้บริหารมืออาชีพจึงต้องมีทักษะในการพาจิตของตนเองออกจากสถานการณ์หรือวางเฉยเท่าที่จะทำได้อย่างดีที่สุด
นักบริหารมืออาชีพต้องทำความเข้าใจว่าไม่มีสิ่งใดที่แน่นอน
ความพ่ายแพ้ในวันนี้เป็นเพียงการไม่มีโอกาสแต่ความมุ่งมั่นไม่ท้อถอยอาจทำให้โอกาสหวนกลับมาอีกได้ในวันหนึ่ง
การหยุดพักและสงบนิ่งในช่วงหนึ่งจึงไม่ใช่เป็นการเสียเวลาแต่เป็นเวลาที่ดีในการเติมพลังเพื่อก้าวเดินต่อไป
ประการที่เจ็ด
ความเก่งกล้าในการยอมรับการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี
นักบริหารมืออาชีพต้องเข้าว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่จำเป็น
เมื่อโลกและสังคมเปลี่ยนไปการปรับตัวกับระบบการทำงานในรูปแบบที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อรองรับเป็นสิ่งที่จำเป็น
ผู้บริหารที่สามารถปรับตัวให้ยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วเท่าใดก็จะสามารถปรับระบบการทำงานให้สอดคล้องกับบริบทของการบริหารงานได้เร็วเท่านั้น
การต่อต้านการเปลี่ยนในขณะที่ยังไม่ได้ยอมรับหรือลงมือปฏิบัตินำความเสียหายมาสู่องค์การอย่างแน่นอนในฐานะนักบริหารองค์การ
นักบริหารมืออาชีพต้องสร้างความเข้าในความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลงและพยายามมองข้อดีของการเปลี่ยนแปลง
โดยไม่วิเคราะห์วิจารณ์ในขณะที่ยังอยู่ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลง
แต่จะช่วยดูแลและประเมินผลเพื่อการพัฒนาและให้คำปรึกษาหารือ
ผู้บริหารมืออาชีพจึงมักตระหนักถึงคุณค่าในการพัฒนาตนเองเพื่อเสริมสร้างศักยภาพและเติมเต็มในความสามารถของตนเพื่อให้ก้าวทันกับเหตุการณ์
และยอมรับการเปลี่ยนแปลงเป็นพื้นฐานนำไปสู่
การพัฒนาตนเองเพื่อให้มีความรู้เท่าทันกับโลกทั้งภายในและภายนอกองค์การ
รู้ทันข้อมูลสารสนเทศและสามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่องค์การ
มนุษย์มีความสามารถในการพัฒนาตนเองได้อย่างไม่หยุดนิ่ง
การพัฒนาตนเองจะทำให้เกิดเจตคติที่ดีต่อการทำงาน
ประการที่แปด ความเก่งกล้าในความยืดหยุ่น
ความยืดหยุ่นของนักบริหารมืออาชีพคือการไม่ยืดติดกับสิ่งที่เป็นกฎเกณฑ์มากจนเกินความจำเป็น
เพราะต้องเข้าใจว่าไม่มีสิ่งใดที่ถูกต้องและผิดเสมอไปในทุกโอกาส
ความยืดหยุ่นไม่ใช่ความลังเลหรือความไม่แน่นอนในหลักการ
แต่เป็นการเลื่อนไหลที่ทำให้การทำงานมีความสะดวกและคล่องตัวมากขึ้น
ในด้านความคิดที่ยืดหยุ่นจะทำให้นักบริหารมืออาชีพไม่ปิดกั้นตนเองเนื่องจากมีความเชื่อว่าทุกอย่างมีความเป็นไปได้
และความเป็นไปได้เป็นโอกาสที่ดีเสมอ
การปฏิบัติงานที่ตายตัวไม่ได้ทำให้งานสำเร็จรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเสมอไป
ประการที่เก้า ความเก่งกล้าในการบริหารเสน่ห์
ซึ่งเป็นคุณลักษณะพิเศษของนักบริหารมืออาชีพด้วยการเป็นผู้ที่ได้รับความเชื่อถือและความไว้วางใจจากองค์การให้บริหารงาน
การทำให้ทุกคนที่ทำงานสามารถทำงานได้อย่างสะดวกสบายและมีความสุขในการทำงานคือการบริหารเสน่ห์
นักบริหารมืออาชีพจะไม่กังวลและไม่เสียเวลาและสมองที่จะทุ่มเทให้แก่การทำงานมาบริหารเสน่ห์ตนเองเพียงเพื่อเอาใจผู้อื่นให้ชอบพอตนเอง
และหวังผลประโยชน์จากเสน่ห์ของตนเอง
การมุ่งมั่นในงานโดยไม่หวังผลตอบแทนส่วนตนเป็นเสน่ห์ที่อย่างหนึ่งที่ทำให้ทุกคนเข้ามาร่วมมือร่วมใจกันทำงาน
แต่อย่างไรก็ตามมักบริหารมืออาชีพตระหนักดีว่า
ผู้ซึ่งต้องดูแลให้งานสำเร็จเรียบร้อยทันตามกำหนดตามเป้าหมายและงบประมาณย่อมไม่สามารถทำตามใจทุกคนได้
การถูกวิพากษ์วิจารณ์จึงเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปของการทำงาน
ประการที่สิบ ความเก่งกล้าในเรื่องมนุษยธรรมกับการทำงาน
โลกของธุรกิจทุกประเภทต้องสร้างผลกำไร ธุรกิจการศึกษาก็เช่นกัน
แต่กำไรที่พึงได้จากธุรกิจการศึกษาไม่เช่นเป็นแค่เงินตรา
แต่ต้องเป็นประสิทธิภาพของผลผลิตที่เป็นผู้เรียนซึ่งเป็นคน
มนุษยธรรมในการถ่ายทอดวิชาความรู้การอบรมสั่งสอนและการมีความเมตตา
สงสารและให้ความช่วยเหลือเพื่อให้สามารถพัฒนาองค์ความรู้ตามจุดประสงค์ของการศึกษาส่วนหนึ่งและความเป็นธรรมในการบริหารจัดการด้านการเรียนการสอนอีกส่วนหนึ่ง
ต่างต้องการความเป็นธรรมในการดำเนินกิจกรรมด้วย
ในทางกลับกัน ชมพูนุช อัครเศรณี (2547)
กล่าวถึงผู้ที่ไม่ใช่มืออาชีพว่าเป็นผู้ที่ลักษณะของการแสดงพฤติกรรมในรูปแบบต่าง
ๆ ที่อ่อนด้อย ดังนี้
ไม่มีบุคลิกลักษณะของความน่าเชื่อถือ
ไม่มีจุดยืน ไม่มีความมุ่งมั่น
ปราศจากภาพรวม วิสัยทัศน์ ปณิธานและแนวทางในการทำงาน
ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องงานได้เมื่อถึงเวลาและไม่สามารถคิดหาทางออกได้เมื่อในสถานการณ์ที่ต้องการการคิดและการตัดสินใจอย่างเฉียบขาด
ทำงานอย่างขอไปที ไม่ตั้งใจและไม่ใส่ใจในการทำงาน
ลองดี ยั่วยุ ท้าทายหรือกลั่นแกล้งเพื่อน เจ้านายและลูกน้อง
พูดในเชิงลบเสมอ ให้ร้าย ใส่ความผู้อื่น
คำนึงถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวมากกว่าเรื่องหลักเกณฑ์และงาน
ยอมให้อารมณ์และความรู้สึกอยู่เหนือเหตุผลทั้งในการตัดสินในและในการลงมือปฏิบัติงาน
ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเองแต่มักมีข้ออ้าง
ข้อแก้ตัวและจะไม่สามารถแก้ไขความผิดพลาดได้
มองว่าผู้อื่นได้ค่าตอบแทนมากกว่าตน
โดยไม่พิจารณาข้อเท็จจริงด้านความสามารถในการทำงานตนเองและผู้อื่น
สนับสนุนลูกน้องและผู้อ่อนอาวุโสในทางที่เป็นผลเสียต่อองค์การ
แม้จะไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวให้คนอยากเป็นมืออาชีพได้ทำตามแต่มืออาชีพก็ได้วางนิยามและแนวทางเลือกนามธรรมไว้ให้แล้ว
องค์ประกอบของการเป็นมืออาชีพโดยทั่วไปสำหรับองค์การมีหลายประการและมีความหลากหลายตามบริบทความเชื่อซึ่งเกิดจากผลการทดลองเชิงวิจัยและการวิเคราะห์ความเป็นไปได้
(ชมพูนุช อัครเศรณี,
2547)
สรุป
โดยสรุปแล้วพฤติกรรมนักบริหารมืออาชีพย่อมแสดงให้เห็นถึงคุณลักษณะเฉพาะที่จำเป็นในการบริหารในระดับที่สูง
คุณลักษณะเหล่านี้จะถูกบ่มเพาะด้วยประสบการณ์ส่วนหนึ่งและต้องได้รับการลับให้คนด้วยการฝึกฝนและพัฒนาตนเองเพื่อการเข้าสู่การเป็นนักบริหารที่แท้จริงอีกส่วนหนึ่ง
ลักษณะนิสัยของบุคคลบางประการอาจเป็นตัวบ่อนทำลายประสิทธิภาพของการทำงานของบุคลากรและนำความเสียหายในด้านผลประกอบการของหน่วยงานด้วย
ดังนั้นการเป็นนักบริหารมืออาชีพจึงต้องมีการตระหนักรู้ในบริบทของการเป็นนักบริหารและพัฒนาตนเองให้รู้เท่าทันเหตุการณ์อยู่เสมอ
เอกสารอ้างอิง
Hoy,
W., and Miskel, C. (1991). Educational
Administration. New York: McGraw-Hill.
Wood,
J., Wallace, J., and Zaffane, R. (2001).
Organizational Behavior: A Global Prospective. Brisbane: Jon Wiley & Sons
Australia.
จันทนา สุขุมานันท์ (2
ตค.
2548)
แมกไม้บริหาร
:
การบริหารองค์การได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยภาวะผู้นำ.
UBC (11.30 PM, 2
ตค.
2548).
จำลอง นักฟ้อน. (2548). เส้นทางสู่นักบริหารการศึกษามืออาชีพhttp://www.moe.go.th/wijai/road%20map.htm
(26
ตค 2548).11
ชมพูนุช อัครเศรณี. (2547). ทำงานแบบไหนถึงจะเป็นมืออาชีพ ?
ELLE
Thailand
แอล. กรุงเทพมหานคร
:
ศิริวัฒนาอินเตอร์พรินท์ พฤศจิกายน
2547
หน้า
244-248 .
|